Movie ReviewREVIEW

ดูมาแล้ว Infernoงานมอดไหม้ในตัวเอง ที่ไม่สามารถจับจุดเด่น ของเรื่องเดิมมานำเสนอได้เช่นเคย

sadaos_inferno-posterINFERNO: หากเคยอ่านนิยายที่เป็นการผจญภัย ไขปริศนาหาความจริง ที่เป็นความพยายามแก้ไขสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นของ ศ.จ. โรเบิร์ท แลงดอน ซึ่งป็นผลงานการประพันธ์ของแดน บราวน์ ก็น่าจะพอจับได้ว่า เสน่ห์ หรือเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเรื่องก็คือ การนำเอาข้อมูลเกี่ยวกับงานศิลปะ-วิทยาการโบราณเข้ามาใช้ในเรื่อง ที่ตัวละครเอกอย่างแลงดอน ต้องแกะ แก้ ไข ปมปริศนาผ่านงานอันทรงคุณค่าเหล่านั้น

แล้วหากได้ดูหนังสองเรื่องก่อนหน้าที่กำกับโดย รอน โฮเวิร์ด The Da Vinci Code, Angels and Demons เช่นเดียวกับหนังเรื่อล่าสุด Inferno ก็คงพอจะรู้เช่นเดียวกันว่า ด้วยระยะเวลาที่แตกต่าง ด้วยรูปแบบของสื่อที่ไม่เหมือนกัน หนังที่สร้างกันขึ้นมา ล้วนจับนำเสนอเสน่ห์ของเรื่องที่แดน บราวน์ดเขียนไว้ ได้เพียงน้องนิด สิ่งที่ถูกขับเน้นมากกว่ากลับกลายเป็น การทำงานแข่งกับเวลา การค้นหาตัวละครที่กลายเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องเหล่านี้ ที่มักจะเป็นคนที่ผู้ชมคาดไม่ถึง (ในกรณีที่ไม่เคยอ่านหนังสือมาก่อน)

กับ Inferno ก็เช่นกัน ด้วยเวลาอันน้อยนิด หนังไม่สามารถบอกเล่ารายละเอียดของงานศิลปะต่างๆ ให้ผู้ชมได้รู้สึกถึงความสำคัญของมัน ทั้งต่อเรื่องและต่อ ‘โลก’ ได้มากนัก ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าเสียดาย ทั้งๆ ที่เป็นศิลปะที่เป็นกลุ่มก้อนชัดเจนมากกว่าเรื่องก่อนๆ โดยเป็นเรื่องราวของดังเต ที่ตัวร้ายในเรื่องลุ่มหลง และชื่นชอบ และน่าจะเป็นโอกาสอันดีที่ทำให้ผู้ชมที่ไม่ได้สนใจเรื่องศิลปะเหล่านี้ได้ รับรู้ หรืออยากรู้มากกว่าเดิม

แต่ที่แย่ไปกว่าก็คือ กับการสืบหา สอบสวนของแลงดอน ที่มีคุณหมอเซียนนา บรูคส์ เป็นผู้ช่วย ใน Inferno มาพร้อมเงื่อนไขที่ว่า แลงดอนอยู่ในสภาพความจำเสื่อมชั่วคราว สิ่งที่อยู่ในสมองของเขาจะแว้บเข้ามาเป็นระยะๆ กระทั่ง ‘กาแฟ’ ยังนึกไม่ออกว่าเรียกว่าอะไร แต่กลับจำสิ่งต่างๆ ทีลึกล้ำกว่านั้นได้มากมาย ซึ่งในหนังสือ ไม่รู้ว่าบราวน์ทำให้ เงื่อนไขตรงนี้มีความน่าเชื่อถือยังไง (เพราะไม่ได้อ่าน) แต่ในภาพยนตร์ หนังทำให้เชื่อไม่ได้

ตัวละครที่กลายเป็นตัวร้าย ซึ่งเคยซุกซ่อนได้อย่างมิดชิด กับคราวนี้เพียงชมไปไม่กี่พัก ก็เห็นกันได้เลาๆ แล้วว่าจะเป็นใคร

ขณะที่ในแง่ของตัวละคร แลงดอน เป็นเหมือนบอนด์ในหนังบอนด์ยุคหนึ่ง ที่ไม่มีความเชื่อมโยงกับเรื่องราวที่ผ่านไป พูดง่ายๆ ก็คือ ไม่มีพัฒนาการของตัวละครนั่นเอง แม้พยายามจะใส่ปมเรื่องโรแมนติคของเขาเข้ามา แต่เมื่อมันไม่มีการปู หรือกล่าวถึงมาก่อนหน้า แล้วก็กลายเป็นส่วนเกินของเรื่องไปในที่สุด ที่ตลกก็คือ นี่คือตัวละครที่ถูก ‘หลอก’ ใช้ ให้ค้นหาสิ่งที่ตัวร้ายต้องการ หรือว่าทำตามแผนของฝ่านตรงข้ามที่วางเอาไว้เป็นประจำ ก่อนที่รู้ว่าถูกหลอก และหาทางแก้ไขความผิดพลาดได้ทันเวลา บางทีมันดูซ้ำซากจำเจไปหน่อยไหม โดยที่ยังไม่ต้องพูดถึงตัวละครรายรอบ ที่ต่างก็มาทำพฤติกรรมที่ไม่น่าเชื่อถือร่วมกันอย่างสนุกสนาน กระทั่งภาชนะเก็บไวรัสก็ดูพิลึกกึกกือ

ท้ายที่สุด Inferno ก็ยังคงมีปัญหาเดิมๆ ที่แก้ไขไม่สำเร็จ แล้วก็มีส่วนที่ไม่ขยับเดินหน้าไปไหน แถมยังมีบางอย่างที่ทำได้แย่ลงอีก ไปๆ มาๆ หนังก็เหมือนราวกับกำลังเผาไหม้ตัวเองยังไงยังไง

หมายเหตุ: มีผู้ที่อ่านนิยายเล่าให้ฟังว่า หนังตัดบทสรุปสุดท้ายเกี่ยวกับไวรัสไป ทำให้ตัวร้ายในเรื่อง กลายเป็นคนร้ายแบนๆ ไม่ได้มีมิติลึกซึ้งในเรื่องความคิดจิตใจเลย ซึ่งก็น่าเสียดายไม่น้อย นอกเหนือไปจากทำให้ประเด็นบางอย่างของหนัง ‘เสีย’ ไป)

ควรชมหากชอบ: The Da Vinci Code, Angels and Demons, Indiana Jones Franchise

โดย นพปฎล พลศิลป์

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:Movie Review

Comments are closed.