SHIN GODZILLA: ปล่อยให้ฮอลลีวูดเอาไปปู้ยี้ปู้ยำจนกลายเป็นหนังสัตว์ประหลาดดาดๆ ที่ไม่ได้มีนัยพิเศษอะไรมากมาย ในที่สุดก็ถืงเวลาที่ต้นตำรับจะเอามาจับปรับแต่งใหม่ในแบบงานรีบูทซะที
ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมา ก็ต้องบอกว่า หากเป็นแฟนหนัง Godzilla ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชันของโรแลนด์ เอมเมอริช หรือ แกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดส์ Shin Godzilla ไม่น่าจะเป็นงานที่ถูกอกถูกใจสักเท่าไหร่ เพราะนี่ไม่ใช่หนังสัตว์ประหลาดที่ขายความหวือหวา ขายฉากแอ็คชัน ขายความตื่นเต้นในแบบที่สัมผัสและรู้สึกกันได้ง่ายๆ
ที่สำคัญหนังกลับใช้โอกาสนี้ กระตุ้นจิตวิญญานความเป็นญี่ปุ่นให้คุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง ขณะที่การนำเสนอก็ออกมาเป็นหนังที่เสียดสี เย้ยหยัน ทั้งการเมือง และสังคม ไม่ว่าจะเป็นในระดับประเทศหรือระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการจิกบรรดามหาอำนาจตะวันตก ที่ต่างก็มุ่งจะหาประโยชน์จากประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นในช่วงที่ประเทศเจริญรุ่งเรือง หรือเกิดภัยพิบัติ ความช่วยเหลือที่ถูกยื่นมาให้ก็เหมือนกับลูกกวาดเคลือบยาพิษ
ที่เก็บละเอียดกันถึงชื่อตำแหน่งต่างๆ ที่เปลี่ยนไป เมื่อสถานการณ์ทำให้ผู้ที่เคยอยู่ในตำแหน่งต่างๆ ต้องเสียชีวิตไปก่อนเวลาอันควร
และกลายเป็นงานที่ดูสนุกกับการชิงไหว ชิงพริบ ในเรื่องการต่อรองต่างๆ มากกว่าจะตื่นตา ตื่นใจไปกับฉากแอ็คชัน และความน่าตื่นเต้นแบบที่เห็นจากหนังฉบับฮอลลีวูด Shin Godzilla ให้อารมณ์ขันขื่นๆ และสัมผัสถึงสิ่งที่คนญี่ปุ่น ‘จำต้อง’ ยอมรับ ไม่ว่าจะเป็นหลักจากสงคราม หรือหลังจากฟื้นฟูประเทศจนมั่งคั่งกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ
ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นความจริงที่เจ็บแสบ และ Godzilla ก็คือสัญลักษณ์ หรือของที่ระลึก ที่บรรดาชาติมหาอำนาจทั้งหลาย มอบ-ฝาก หรือทิ้งไว้ให้ ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม หากเป็นสิ่งที่ญี่ปุ่นต้องรับ และหาทางจัดการกับมันมาจนถึงทุกวันนี้
ในความเป็นหนังสัตว์ประหลาดถล่มเมือง Shin Godzilla ไม่ใช่คำตอบที่ถูก แต่กับการเป็นหนังเสียดสี ตีแผ่เรื่องการเมือง สังคม รวมไปถึงตอกย้ำ กระตุ้น ถึงจิตวิญญาณความเป็นญี่ปุ่น หนังมีให้เต็มตัว
นี่คือหนัง Godzilla ที่เนื้อใน ไม่ใช่ Godzilla ที่หน้าตา
ควรชมหากชอบ: Godzilla (ฉบับญี่ปุ่น), Godzilla (1998), Godzilla (2014), Monsters
โดย นพปฎล พลศิลป์
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านงานวิจารณ์หนัง และเพลง แบบนี้ ได้ด้วยการกดไลค์ Like เพจสะเด่าส์กันไว้ก่อน ได้ที่นี่