THE HEAVY ENTERTAINMENT SHOW / Robbie Williams
[Columbia]
พูดถึงความเตะหูตั้งแต่แรกเริ่ม ชื่ออัลบั้มส่วนใหญ่ของ ร็อบบี วิลเลียมส์ เรียกความสนใจมาได้โดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นงานชุดแรก Life thru a Lens, Sing When You’re Winning, Intensive Care,
Reality Killed the Video Star, Take the Crown และงานชุดนี้ The Heavy Entertainment Show ที่ทั้งหมดไม่ใช่แค่เพียงได้ยินแล้วรู้สึกว่าน่าสนใจ แต่ยังมีนัยบางอย่างที่เกี่ยวพันกับชีวิตของเจ้าของอัลบั้ม ที่มีทั้งในแง่ของการทำงาน และเรื่องส่วนตัว
กับ The Heavy Entertainment Show นี่คืองานชุดแรกกับสังกัดใหม่ ที่เจ้าตัวบอกว่า เป็นค่ายเพลงที่ “มีแรงบันดาลใจ, ผมก็มีแรงบันดาลใจ และมีความพร้อมมากกว่าที่เคย และเชื่อมั่นอย่างที่สุดว่า อยู่ในที่ๆ ใช่ ผมมองถึงการทำอัลบั้มนี้ ซึ่งเป็นงานที่ผมภูมิใจโคตรๆ” ราวกับจะตบหน้าบ้านเก่าของตัวเอง โดยชื่ออัลบั้มก็ตอกย้ำถึงความบันเทิงเริงใจอย่างที่สุด และทำให้รู้สึกว่าคราวนี้ ร็อบบีจะ ‘เล่นใหญ่’ เป็นพิเศษ
นับจากความสำเร็จแบบส่งให้เป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลกเต็มตัวจริงๆ จาก Sing When You’re Winning ไม่นับอัลบั้มต่อมาอย่าง Swing When You’re Winning อัลบั้มของร็อบบีได้ผลลัพธ์ที่ก้ำกึ่งมาโดยตลอดในแง่ของเสียงวิจารณ์ จนมาถึง Take the Crown อัลบั้มแรกของเขากับไอส์แลนด์ เรคอร์ดส์ ร็อบบีถึงได้รับการแซ่ซ้องสรรญเสริญอีกครั้ง สมกับความตั้งใจของเจ้าตัวที่สัมผัสได้ตั้งแต่ชื่ออัลบั้ม ซาวนด์ของงานฟังต่างไปจากอัลบั้มก่อนๆ ไม่มีเพลงที่เป็น ‘สูตรสำเร็จ’ เหมือนอย่างที่เคยได้ยิน เรียกว่าหนีพิมพ์เขียวเดิมๆ ของตัวเองพ้นก็คงไม่ผิด
เว้นวรรค Swing Both Ways ที่ให้ความรู้สึกเป็นงานชุดพิเศษ เมื่อกำหนดตัวดนตรีเอาไว้ชัดเจน ไม่ต่างไปจากงานดนตรีสวิงชุดก่อน แม้จะฟังร่วมสมัยกว่าก็ตามที แล้วก็มาถึงงานชุดนี้ The Heavy Entertainment Show
ร็อบบีเล่นใหญ่จริงๆ อย่างที่โม้ไว้ตั้งแต่ชื่อ ตัวอัลบั้มมีความเป็นงานแบบเธียเตอร์ ร็อค เหมือนเป็นเรื่องราว หลายๆ เพลงตัวดนตรีฟังโอ่อ่า อลังการ อย่าง เพลงแรกในอัลบั้ม ซึ่งก็คือเพลงที่ใช้ชื่อเดียวกับชื่อชุด ที่ทำให้นึกถึงเพลงฮิตของร็อบบีอย่าง Let Me Entertain You ที่เจ้าตัวมักจะเอามาเล่นเป็นเพลงเปิดคอนเสิร์ต แต่ฟัง ‘ใหญ่’ กว่าเยอะ ดนตรีมีจริต มีลีลา มีลูกเล่น มีเรื่องมีราว มูฟเมนท์ของดนตรีที่หลากหลาย ไม่ใช่เป็นงานร็อคสนุกๆ ในแบบบริท-ป็อป อย่างเพลงที่มาก่อน
ขณะที่เพลงมารับต่อ Party Like a Russian ก็มาในทิศทางเดียวกัน ดนตรีมีสำเนียงแบบยุโรปตะวันออก เน้นบีทที่หนักแน่น ใส่เสียงคอรัสหนาๆ แข็งแรงลงมา จังหวะที่เป็นมาร์ช พลอยพาเพลงนี้ให้ดูมโหฬาร และแข็งขัน หลับตาแล้วสามารถเห็นภาพการเดินสวนสนามของกองทหารที่จตุรัสแดง ได้สบายๆ
ถือเป็นการสตาร์ทอัลบั้มได้แรง และน่าสนใจ หากท้ายที่สุด ร็อบบีก็เอาไม่อยู่ในแง่ภาพรวมของงาน ที่กวัดแกว่งไปมา เพราะในอัลบั้มมากไปด้วยความหลากหลายของเพลง มีทั้งเพลงที่ย้อนไปไกลถึงยุคแรกๆ ของตัวเจ้าของงาน อย่าง M*********r ที่ซาวนด์ราวกับเป็น Oasis ฉบับป็อป, Mixed Signals ที่ได้ The Killers มาเล่นให้ ก็ฟังคล้ายเป็นเพลงของเดอะ คิลเลอร์ส ที่ได้ร็อบบี วิลเลียมส์ร้องนำแทนแบรนดอน ฟลาวเวอร์สมากกว่า, Bruce Lee ก็เหมือนเป็นอีกภาคหนึ่งของ Rock DJ, เพลงเต้นรำสนุกๆ เช่น Sensitive ก็มีอิทธิพลของ Daft Punk ให้รู้สึก
แล้วก็ยังมีงานแบบ ‘สูตรสำเร็จ’ มาพร้อมท่วงทำนองในแบบคุ้นเคยกันดีจากงานของร็อบบี วิลเลียมส์ให้ได้ยิน ราวกับหยิบพิมพ์เขียวเดิมๆ มาใช้ใหม่ แต่ตบแต่ง เติมแต้มให้ร่วมสมัยมากขึ้น ที่ไปๆ มาๆ ก็ดูไม่ต่างไปจากการหาของตายติดเอาไว้ และพยายามไม่ให้ตัวเองหลุดไปจาก Comfort Zone
หากก็ต้องยอมรับในแง่ของความสด จัดจ้าน ทุกเพลงใน The Heavy Entertainment Show มีความแข็งแรงในแบบที่ตัดเป็นซิงเกิล ถ้าไม่ขึ้นอันดับ 1 ก็ขึ้นอันดับสูงๆ ได้สบาย นอกเหนือไปจากมีพลัง มีไอเดีย ที่ทำให้แต่ละเพลงฟังหวือหวา มีเสน่ห์
มองกันแบบเข้าข้าง เพลงในอัลบั้ม ก็คงประมาณโชว์แต่ละชุดบนเวทีเดียวกัน ต่างก็มีลักษณะเฉพาะ มีทางของตัวเอง ถ้าความเกี่ยวเนื่อง เกี่ยวพันทำได้ดี ไม่ใช่ประดัดประเดิด อย่างที่เห็น ไม่ใช่ไม่กลมไม่กลืนอย่างที่เป็น ก็น่าจะเป็นงานเล่นใหญ่ ได้อลัง และจัดเต็มของจริง ไม่ใช่ฟินเป็นเพลงๆ อิ่มเอมกันทีละชุด แบบนี้
โดย นพปฎล พลศิลป์ จากคอลัมน์ วิจารณ์-แนะนำ นิตยสารสีสัน
ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่