กว่าจะเป็น BOHEMIAN RHAPSODY และความเห็นของไบรอัน เมย์ถึงหนัง

ภาพยนตร์ที่ว่าด้วยเรื่องราวของวงควีน ถูกประกาศสร้างมาตั้งแต่ปี 2010 โดยวางตัวซาชา บารอน โคเฮนเอาไว้ในบทเฟร็ดดี เมอร์คิวรี นักร้องนำที่เสียชีวิตไปแล้วของวง มีปีเตอร์ มอร์แกนที่เข้าชิงออสการ์จากหนังอัตชีวประวัติ The Queen and Frost/Nixon เป็นผู้เขียนบท ทุกอย่างดูจะเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ท้ายที่สุดกว่าจะได้ขึ้นจอจริงๆ ในชื่อ Bohemian Rhapsody ก็ต้องรอกันยาวมาถึงอีกไม่กี่เดือนก่อนปี 2018 จะจบไป

เฟร็ดดี เมอร์คิวรี (ซ้าย) ซาชา บารอน โคเฮน (ขวา)

กระบวนการการทำงานของหนังเต็มไปด้วยปัญหามากมาย เริ่มจากต้องหานักแสดงมารับบทเมอร์คิวรีใหม่ เมื่อโคเฮนโบกมือลาในปี 2013 เพราะความขัดแย้งในการทำงาน ที่เขาอยากให้หนังเป็นงานสำหรับผู้ชมกลุ่มผู้ใหญ่ แต่สมาชิกของวงต้องการให้เป็นงานที่ดูกันได้ทั่วๆ ไป และมองว่านักแสดงรายนี้ มีชื่อมาจากการรับบทห่ามๆ ที่ไม่น่าจะเหมาะกับเนื้อหาของหนัง จากนั้นชื่อของ เบน วิชอว์ ก็เข้ามามีเอี่ยวกับบทนี้ ขณะที่ผู้กำกับก็เป็นเด็กซ์เตอร์ เฟล็ทเชอร์ แต่ไปๆ มาๆ เฟล็ทเชอร์ก็ถอนตัวในปีถัดมา เช่นเดียวกับวิชอว์ เมื่อโปรเจ็คท์ดูไม่คืบหน้าไปไหน

ปีถัดมา 2015 หนังเริ่มมีสัญญาณที่ดี แอนโธนี แม็คคาร์เทนมารับงานเขียนบท ตัวหนังได้ชื่อเรียบร้อยว่า Bohemian Rhapsody ซึ่งตั้งตามเพลงอมตะของวง แม็คคาร์เทนส่งบทร่างแรกให้ทีมงานตอนต้นปี 2016 และปีต่อมาก็ได้ไบรอัน ซิงเกอร์เป็นผู้กำกับ ส่วนบทเมอร์คิวรีได้รามี มาเล็คมาเล่น การคัดเลือกนักแสดงในบทอื่นๆ เดินหน้าไปด้วยดี และกลางปี 2017 หนังก็เดินหน้าถ่ายทำ

แต่แล้ววิบากกรรมของ Bohemian Rhapsody ก็ยังไม่จบ เดือนธันวาคม 2017 หนังต้องหยุดถ่ายทำเนื่องจากผู้กำกับซิงเกอร์หายตัวไป หลังจากก่อนหน้าทำๆ หยุดๆ จนผู้กำกับภาพ-นิวตัน โธมัส ซีเกล ต้องคุมงานแทน ท้ายที่สุดซิงเกอร์ถูกไล่ออก และเฟล็ทเชอร์ถูกดึงมาทำหน้าที่แทน โดยเขาบอกว่า ตอนนั้นซิงเกอร์ทำงานเสร็จไปแล้ว 2 ใน 3 ของงานทั้งหมด “ผมเข้ามาจับงานในช่วง 2-3 สัปดาห์สุดท้ายของการถ่ายทำ แล้วก็มีเรื่องการตัดต่อ รวมไปถึงงานอะไรทำนองนั้น… ผมมองว่าหนัง 2 องก์แรกที่เสร็จสมบูรณ์เป็นงานที่ดี และผมต้องไม่ทำให้มันแย่ลง” ในที่สุดหนังก็ถ่ายทำเสร็จเรียบร้อยในวันที่ 29 มกราคม 2018 โดยผู้ที่ได้เครดิตในการกำกับคือซิงเกอร์

และ Bohemian Rhapsody ก็ได้ขึ้นจอให้ได้ชมกันแล้ว โดยในบ้านเราหนังจะเข้าฉายในรอบปกติ 1 พฤศจิกายนนี้ โดยในวันที่ 27-31 ตุลาคมจะฉายรอบพิเศษฉบับร้องเพลงด้วยได้ หลัง2 ทุ่มในหลายๆ โรงภาพยนตร์ หลายๆ คนที่ได้ชมแล้วก็คงอิ่มเอมไปกับบทเพลงของควีน และฉากใหญ่ของหนังที่เนรมิตคอนเสิร์ตไลฟ์ เอด มาให้ได้ชมกันอย่างเต็มตา แต่สำหรับไบรอัน เมย์ มือกีตาร์และแกนนำคนสำคัญของวง รวมไปถึงเป็นหนึ่งในทีมผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ เอ่ยถึงความรู้สึกหลังชม Bohemian Rhapsody จบลงออกมาว่า “สนุก, น่าหวาดหวั่น แล้วก็เศร้า และเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ท่วมท้น” เมย์บอก “ตอนนี้ผมชมมันเป็นร้อยๆ ครั้งแล้ว ตั้งแต่ตอนที่เป็นอะไรยิบย่อย ซึ่งท้ายที่สุดก็มารวมอยู่ด้วยกัน และก็ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่ มันเต็มไปด้วยความรู้สึก มันเป็นเรื่องของเฟร็ดดี ใช่… มีพวกเราอยู่ในนั้น แต่เป็นเรื่องราวของเฟร็ดดี และนั่นคือสิ่งที่ตั้งใจมาตลอด

“เฟร็ดดีเป็นคนที่พิเศษ เลอค่ามากๆ สำหรับเรา และหนึ่งในเรื่องกระทบใจสุดๆ ช่วงแรกๆ ของการทำงานก็คือ การที่ปีเตอร์ มอร์แกน ผู้เขียนบทบอกว่า ‘นี่คือหนังที่ว่าด้วยครอบครัว’ มันมากไปด้วยทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครอบครัว บางอย่างก็ดี บางทีก็แย่ การจากไป การค้นหาความเป็นอิสระ แล้วก็การดูแลกันของครอบครัว”

เมย์เสริมอีกว่า “ในระดับหนึ่ง หนังจะว่าด้วยเรื่องราวเหล่านั้น และจากนั้นก็จะเป็นเรื่องพรสวรรค์ที่ปรากฏออกมาของเฟร็ดดี, การปรับตัวอันน่าทึ่งและอารมณ์ขันของเขา”

และเมื่อถูกถามว่า ถ้าเฟร็ดดีได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย เขาจะรู้สึกยังไง เมย์ตอบว่า “ผมคิดว่าเขาน่าจะรู้สึกว่า มันก็แฟร์ๆ ดี หนังแสดงให้เห็นความเยี่ยมยอดทุกอย่างในตัวเขา, ทุกความผิดพลาด และความไม่มั่นใจ ทั้งหมดเลย

“ผมคิดว่ามันแสดงให้เห็นตัวเขาตามความเป็นจริง และไม่ได้ปรุงแต่งจนเวอร์ไป โดยเฉพาะการชื่นชมพรสวรรค์ในตัวเขา เพราะเขาเป็นคนที่มีความพิเศษเฉพาะตัว ผมไม่เคยเจอใครในชีวิตที่เหมือนเฟร็ดดี ทั้งก่อนหน้าและหลังจากนั้น บางทีคงจะไม่มีคนแบบนี้เกิดขึ้นมาอีกแล้ว”

ซึ่งไม่ว่าจะได้ชมภาพยนตร์หรือไม่ก็ตาม ขอแค่ได้เคยสัมผัสกับบทเพลงของควีน ก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน สำหรับการเป็นหนึ่งเดียวคนนี้ในโลกของเฟร็ดดี เมอร์คิวรี คนที่สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับวงควีน และทำให้พวกเขากลายเป็นแชมเปียนผู้ยิ่งใหญ่ในยุคสมัยหนึ่ง

“We are the champions, my friends / And we’ll keep on fighting ’til the end / We are the champions / We are the champions / No time for losers / ‘Cause we are the champions of the world…”

โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง กว่าจะเป็น BOHEMIAN RHAPSODY และความเห็นของไบรอัน เมย์ถึงหนัง คอลัมน์ หรรษาวันจันทร์ – Happy Monday หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 29 ตุลาคม 2561