Movie ReviewREVIEW

ดูมาแล้ว – LAST NIGHT IN SOHO งานสับขาหลอกทั้งเรื่องราว ทั้งแนวทาง สารพัดสิ่งที่พลิกผันและหักมุม **** 1/2

อีกครั้งที่เอ็ดการ์ ไรท์ ผู้กำกับหนังชุด ‘Three Flavours Cornetto Trilogy’, ‘Scott Pilgrim VS the World’, ‘Baby Driver’ รวมถึงเป็นผู้ให้กำเนิดหนัง ‘Ant-Man’ เมื่อถือโปรเจ็กต์หนังไปเสนอมาร์เวลด้วยตัวเอง ก่อนจะมีปัญหาเรื่องความคิดสร้างสรรค์จนต้องถอนตัวไป แสดงให้เห็นว่า นอกจากการทำงานที่ “สไตล์” โดดเด่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้กล้อง, ตัดต่อ ตลอดจนดนตรีและเพลงประกอบ

การเล่าเรื่องของเขาก็เฉียบคมไม่แพ้กัน ที่หากมองย้อนกลับไปดูงานที่ผ่าน ๆ มาด้วยแล้ว ‘Last Night in Soho’ คือการขยับยกระดับการทำงานของไรท์ขึ้นไปอีกหลายขั้นเลยทีเดียว โดยเฉพาะการเล่นสนุกกับทั้งตัวละครและผู้ชม

หนังเปิดมาเหมือนเป็นเรื่องของเด็กสาวที่ตามหาฝันซึ่งแม่ของเธอทำไม่สำเร็จ หากเอโลอิส “เอลลี” เทอร์เนอร์ (โธมาซิน แม็กเคนซี) ที่มักจะเห็นภาพของแม่เธอปรากฏขึ้นอยู่บ่อยครั้ง มีโอกาสที่จะทำให้เป็นจริง เมื่อได้เข้าเรียนในสถาบันแฟชันของกรุงลอนดอน หลังเดินทางมาถึง เอลลีต้องเจอกับเด็กสาวขี้โอ่ชอบกดหัวคนอื่น ที่หน้าเหมือนจะดีกับเธอ แต่ลับหลังมันก็อีกเรื่อง ในแบบที่เห็นในหนังไฮสคูลวัยทีนสารพัด ทำให้เอลลีตัดสินใจย้ายหอออกจากสถาบัน ไปเช่าห้องของมิสคอลลินส์ (ไดอะนา ริกก์ส) แทน และที่นี่ก็พาเธอไปสู่อีกโลกหนึ่ง ย้อนเวลาไปสู่ลอนดอน หรือว่าอย่างจำเพาะเจาะจงก็คือ ย่านโซโห ในยุค 1960s ที่แม้จะเต็มไปด้วยแสงไฟหากชีวิตในแถบนี้ก็ไม่ต่างไปจากมุมมืดของโลก ที่ทำให้ชีวิตของเอลลีเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน

ซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่ว่า ก็ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะชีวิตของเอลลี แต่แนวทางของหนังก็เช่นกัน โดยที่ผู้ชมหลาย ๆ คนอาจจะไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่า จากหนังวัยรุ่นตามหาฝัน ในบรรยากาศที่ทำให้นึกถึงงานอย่าง ‘Mean Girls’ หรืออะไรทำนองนั้น ทั้งเรื่องราว ทั้งโทน ตลอดจนบรรยากาศ ปรับไปเป็นสีในทางหม่นมืดมากกว่าเดิม รวมถึงเรื่องราวที่ไปไกลกว่าจุดเริ่มต้น หนังเริ่มให้ความรู้สึกแปลก ๆ และแน่นอน เข้มข้นกว่าเคยหลังจากนั้น เมื่อเติมทั้งทางของหนังเพลง, งานอาชญากรรม, หนังสืบสวนสอบสวน รวมไปถึงหนังสยองขวัญ บางแง่มุมก็เป็นงานไซ-ไฟ ข้ามเวลา, หนังเหนือธรรมชาติ ว่าด้วยการรำลึกชาติ ตลอดจนการเป็นงานพิศวาสฆาตกรรม แล้วก็หนังฆาตกรฆ่าต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหลายทั้งปวง ถูกเกลี่ยผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน ถูกนำเสนอขึ้นจออย่างกลมกล่อม

ในเวลาเดียวกัน ความหลากหลายของแนวทาง ก็ทำให้เรื่องราวของหนังพลิกไปพลิกมา หรืออาจจะกล่าวในทางตรงกันข้ามได้ว่า ด้วยเรื่องราวที่พลิกผัน เปิดทางให้หนังสามารถขยับปรับเปลี่ยนแนวทางไปได้อย่างที่เห็น หากท้ายที่สุด หนังก็จบลงตรงจุดที่ตัวเองเริ่มต้น ว่าด้วยการตามหาความฝันของเด็กสาวคนหนึ่ง ซึ่งหลาย ๆ คนน่าจะพอเดาได้ว่า บทสรุปเป็นยังไง แต่ระหว่างทาง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่จะมองออกว่า ชีวิตของเอลลีจะไปลงเอยที่ไหน เช่นเดียวกับไม่รู้เลยว่า หนังจะเลือกเดินหน้าไปในแนวทางใด และเหตุการณ์ในหนังจะหักมุม หรือเดินตรงไปอีกเท่าไหร่ ยังไง

ไม่ใช่แค่เรื่องราว และแนวทางของหนังจะถูกนำมาเล่นสนุกกับตัวละครและผู้ชม ตัวละครเองก็เป็นที่มาของเหตุการณ์หักมุมพลิกผันแบบเดียวกันอยู่หลายหน ไม่ว่าจะเป็นแมงดาหนุ่มยุค 60s, ชายแก่ที่เกาะแกะกับผู้หญิงยุคปัจจุบัน กระทั่งห้องพักก็ทำหน้าที่ไม่ต่างกัน เมื่อบางคราวก็เหมือนประตูกาลเวลา บางหนก็เหมือนทางเข้าออกของสองโลก

การแสดงของนักแสดงแต่ละรายทำได้เยี่ยม แม็กเคนซีกับการเป็นสาวช่างฝัน ที่ต้องมาเจอฝันหลอน ๆ ในลอนดอน เมืองที่ยายของเธอเตือนเอาไว้ว่า ไม่น่าไว้ใจ ที่มองในอีกมุมหนึ่ง ก็คือการเตือนผู้ชมกลาย ๆ ว่า เรื่องและแนวทางของหนังอาจไม่ใช่อย่างที่เห็น ในคราวเดียวกัน, อันยา เทย์เลอร์-จอย ที่ขายเสน่ห์และความสามารถในตัวเต็ม ๆ กับการเป็นสาวช่างฝันที่ต้องเผชิญฝันร้ายในลอนดอน เพราะแทนที่จะได้เป็นนางโชว์ในคลับหรู กลับต้องเป็นสาวโคมแดงที่ถูกย่ำยีไม่เว้นแต่ละคืน ที่จะว่าไปแล้วชีวิตของแซนดี (อันยา) และเอลลี ก็คือการเปรียบถึงการเดินทางตามหาฝันของสาว ๆ ในสองช่วงเวลา ที่ต้องจัดการกับปัญหา หรือว่าเรียนรู้กับสิ่งที่เป็นไป แตกต่างกันตามยุคสมัย ที่กับบางคนอาจจะทำให้ความฝันเป็นจริงไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ยังมีลมหายใจ

แล้วก็มีแม็ตต์ สมิธ ที่รับบท แจ็ก ชายหนุ่มมาดดีที่ตัวตนจริง ๆ กลับเป็นอีกด้าน ที่เล่นได้เห้- เหลือใจ รวมถึงรุ่นใหญ่ เทอเรนซ์ แสตมป์ ชายแก่ลึกลับผู้ไม่น่าไว้ใจ และไดอะนา ริกก์ส กับงานเรื่องสุดท้ายในชีวิต ที่เป็นเจ้าของห้องเช่า ซึ่งเป็นประตูสู่อีกโลกของเอลลี

แน่นอนว่า หนังมีสัมผัสของการเป็นงานแฟนตาซีอยู่ในตัวเช่นกัน หากไรท์ก็นำเสนอความเป็นมา-เป็นไป ได้สมเหตุและสมผล ไม่ว่าจะเป็นมูลเหตุที่ทำให้เอลลี ได้สัมผัสกับอีกโลกหนึ่ง ความเป็นไปของตัวละครปริศนา ที่กลายเป็นเซอร์ไพรส์ในตอนหลัง อาจจะมีคาใจอยู่บ้างก็คือ ภาพหลอนในกระจกที่กลายเป็นลูกหลอกแบบจงใจ แต่กับปมทุกอย่างที่ผูกเอาไว้ ล้วนเฉลยออกมาแล้วทำให้รู้สึก “ว้าว!” ได้ทั้งเบาและหนัก บางคราวอาจถึงกับตบเข่าฉาดก็เป็นได้ โดยเฉพาะต้นเหตุความหลอนทั้งหลายที่เอลลีต้องเจอ

องค์ประกอบต่าง ๆ ที่มี คือสิ่งที่ส่งให้ ‘Last Night in Soho’ กลายเป็นงานที่ดูสนุก ทั้งจากเรื่องที่หักมุม สับขา หลอกล่อไปมา ทั้งจากแนวทางของงาน และ… ปูมหลังความเป็นไปของตัวละคร ที่นอกจากจะให้ความบันเทิงแบบเต็มที่ ยังเตือนใจด้วยว่า ชีวิตที่มีสีสัน มันก็มีความมืดอยู่ข้างใน เช่น ชีวิตของผู้คนในโซโหยุค 1960s หรือความปรารถนาดีของเด็กสาวในยุค 2010s มันก็มียาพิษหมกไว้ ซึ่งลึก ๆ แล้วไรท์ก็แอบกัดเจ็บผู้คนในยุคนี้ไปพร้อม ๆ กัน กับการพยายามชิงดีชิงเด่น จนถึงขั้นหยิบเอาเรื่องที่ไม่ได้สวยงามของชีวิตมาข่มทับ เพื่อให้ตัวเองกลายเป็นที่สนใจ

แต่กับหนังเรื่องนี้ ไม่ใช่ เพราะนี่คืองานที่เต็มไปด้วยของ “ดี” ที่ข่มใครได้สบาย ๆ และมีมากพอจะทำให้เป็นหนึ่งในงานที่โดยส่วนตัวแล้ว “ชอบ” มากที่สุดของปีนี้ แบบไม่มีลังเลแต่อย่างใด….

นพปฎล พลศิลป์

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่

What is your reaction?

Excited
0
Happy
1
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:Movie Review

Comments are closed.