Movie ReviewREVIEW

ดูมาแล้ว: SOCIETY OF THE SNOW – เรื่องของโชคและโอกาส ศรัทธาในความเป็นมนุษย์ คุณค่าของการมีชีวิตและคุณค่าของชีวิต ความยิ่งใหญ่ของมิตรภาพ

ครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับเรื่องของผู้รอดชีวิต 16 คน จากเหตุเครื่องบินตกในเทือกเขาแอนดีส เมื่อปี 1972 ด้วยกรรมวิธีที่น่าตกใจ ก็ต้องย้อนไปไกลถึงในช่วงวัยที่ยังเป็นเด็กชาย กับหนังที่ชื่อภาษาไทยเปิดเผยกุญแจสำคัญในการเอาตัวรอดของพวกเขาแบบไม่มีเหลือ “คนกินเนื้อคน”

จากข้อมูลที่สืบค้นจากวิกิพีเดีย หนังเรื่องที่ว่า น่าจะเป็นหนังเม็กซิกัน เรื่อง ‘Survive!’ แม้เมื่อมองย้อนกลับไป จะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้างว่า บริษัทนำเข้าภาพยนตร์ต่างประเทศในบ้านเรา ไปพบเจอหนังเรื่องนี้ได้ยังไง แต่ก็เข้าใจได้ว่า เหตุการณ์นี้น่าจะเป็นเรื่องราวใหญ่โตที่รับรู้กันในระดับหนึ่ง ซึ่งนั่นน่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้หนังเรื่องนี้ถูกซื้อมาฉาย หากด้วยวัยและเวลาที่เนิ่นนาน จำอะไรของหนังแทบไม่ได้แล้ว นอกจากชื่อไทยที่เตะหูเหลือเกิน

หนต่อมาที่ได้ชมเรื่องราวเดียวกัน เป็น ‘Alive’ งานเมด อิน ฮอลลีวูดปี 1993 ของผู้กำกับแฟรงก์ มาร์เชลล์ อดีตผู้อำนวยการสร้างหนังหลาย ๆ เรื่องของสตีเวน สปีลเบิร์ก โดยมีอีธาน ฮอว์ก รับบทนำ

30 ปีต่อมา เรื่องราวเมื่อเดือนตุลาคม 1972 ก็ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์อีกครั้ง คราวนี้เป็นฝีมือของผู้กำกับ เจ.เอ. บาโยนา ผู้กำกับสแปนิช ที่เคยทำหนังรอดชีวิตเมื่อปี 2012 ‘The Impossible’ ซึ่งว่าด้วยครอบครัวที่พลัดหลงกันในเหตุการณ์ซึนามิที่บ้านเรา และมีหนังทำเงิน ‘Jurassic World: Fallen Kingdom‘ อยู่ในเครดิต

ครั้งนี้ที่มาของหนังเป็นหนังสือชื่อเดียวกันของ พาโบล วิเอร์ซี (ส่วน ‘Alive’ สร้างจากหนังสือ ‘Alive: The Story of the Andes Survivors’ ของปิแอร์ส พอล รีด) ที่รู้จักกับผู้รอดชีวิตบางรายตั้งแต่ตัวเองยังเป็นเด็ก ๆ ซึ่งเรื่องราวหลัก ๆ ของเหตุการณ์ก็เชื่อว่า หลาย ๆ คนน่าจะรู้กันอยู่แล้ว แต่จะมากหรือน้อยเท่านั้น…

นักรักบี้ทีมโอลด์ คริสเตียนของอุรุกวัย พร้อมเพื่อน ๆ และคนในครอบครัว รวม 40 คน ขึ้นเครื่องเช่าเหมาลำของกองทัพอากาศเพื่อเดินทางไปที่ชิลี แต่ด้วยสภาพอากาศอันย่ำแย่ทำให้เครื่องบินชกกับเทือกเขาแอนดีส ผู้รอดชีวิตทั้งหมดคือผู้โดยสาร ที่อาศัยลำตัวเครื่องบินส่วนที่เหลืออยู่กับกระเป๋าสัมภาระเป็นที่พัก แม้จะมีการส่งเครื่องบินกู้ภัยมาทำการช่วยเหลือ แต่ด้วยหิมะที่หนาและสีลำตัวเครื่องบิน รวมถึงจุดตกที่อยู่ลึกลงไปในหุบเขา ทำให้ยากจะมองเห็นจากทางอากาศ ซึ่งพวกเขาทำได้แค่เพียงมองและได้ยินเสียงเครื่องบินลำแล้วลำเล่าผ่านไป เมื่ออาหารที่มีอยู่น้อยนิดค่อย ๆ หมดไป พวกเขาจึงตัดสินใจครั้งสำคัญ เพื่อที่จะทำให้ตัวเองอยู่รอดให้นานที่สุด ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ท้าท้ายหลาย ๆ สิ่งในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อ, ศีลธรรม, มนุษยธรรม, คุณค่าของความเป็นมนุษย์ ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งในตัวเองอย่างที่สุด หากก็ช่วยให้หลาย ๆ คน มีชีวิตอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้

ถึงจะเป็นการกระทำที่ชวนตระหนก ชวนให้รู้สึกสะอิดสะเอียนเมื่อ… ไม่ต้องเห็น แค่นึกถึง ว่ากันตั้งแต่กระบวนการเริ่มต้น ที่สามารถนำมาใช้เป็นจุดขายของหนังได้ แต่บาโยนาที่กำกับและร่วมเขียนบทกับ เบอร์นัต วิลาพลานา, ไฆเม่ มาร์เควส และนิโคลาส คาซาริเอโก กลับไม่ได้ถ่ายทอดเหตุการณ์ที่ว่า มาเป็นภาพที่น่าสยดสยอง น่าคลื่นเหียน ซึ่งจะทำให้ ‘Society of the Snow’ กลายเป็นหนังแหวะ-เอาตัวรอด ที่ไร้ราคา แล้วนอกจากจะให้ความสำคัญกับการกระทำนี้ว่า เป็นหนทางรอดชีวิตทางเดียวของพวกเขาเท่านั้นที่เหลืออยู่ (ที่จะว่าไปแล้วก็ริบหรี่เหลือเกิน) หนังยังแสดงให้เห็นถึงรายละเอียดต่าง ๆ ที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจ ที่ในเวลาต่อมา กลายเป็นการให้ความสำคัญของคุณค่าในการมีชีวิต คุณค่าของชีวิต ที่ดูจะขัดแย้งกับความเชื่อทั้งทางศาสนาหรือว่าตามธรรมเนียมปฏิบัติ รวมถึงความสวยงามของมิตรภาพและความสัมพันธ์​ ที่นำไปสู่การเสียสละ

ซึ่งทำให้การตัดสินใจของพวกเขาไม่ใช่แค่การเอาตัวรอดแบบเห็นแก่ตัว แต่มาพร้อมกับความเข้าใจ และยอมรับในชะตากรรม หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ที่เมื่อบทสรุปของหนังมาถึง ‘Society of the Snow’ ก็คือ การแสดงถึงความศรัทธาในความเป็นมนุษย์ ที่พร้อมต่อสู้กับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าโดยไม่ย่อท้อ และยอมที่จะเสียสละเมื่อถึงเวลา หากตัวเองยังพอมีคุณค่าบางอย่างในตัว ที่ดูไม่ต่างไปจากการเดินทางตามหาครอบครัวที่พลัดพรากจากเหตุซึนามิใน ‘The Impossible’ เมื่อเต็มไปด้วยความอบอุ่นของความสัมพันธ์ แต่ผิดแผกกันตรงที่ครั้งนี้เป็นเรื่องของเพื่อนฝูง ผู้คนที่ตกอยู่ในความยากลำบากร่วมกัน

หนังใช้เวลาไม่นานนัก ในการแนะนำตัวละคร ที่บางคนมีบทบาทสำคัญในเรื่อง ทั้งในฐานะคนที่ช่วยเล่าเรื่อง และในเวลาเดียวกันก็ทำให้ผู้ชมมีใครสักคนเป็น “ที่ยึดเหนี่ยว” มีคนให้ที่ “ผูกพัน”

ท่ามกลางการเล่าเรื่องที่เรียบง่าย ในความยาวเกือบ ๆ 2 ชั่วโมงครึ่ง ที่เวลาเกือบทั้งหมดเทให้กับกิจกรรมต่าง ๆ ของผู้ประสบภัยที่ติดแหง็กอยู่กับซากเครื่องบิน ในหุบเขาซึ่งเต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน รวมถึงเรื่องที่พอรู้กันก็ไม่น่าจะอะไรพลิกผัน-หักมุม-เซอร์ไพรส์ อาจฟังดูเหมือนน่าจะ “น่าเบื่อ” แต่เมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นมีอะไรมากกว่านั้น ทั้งความโหดร้ายของธรรมชาติที่เล่นงานพวกเขาซ้ำ ๆ ทั้งความพยายามเอาตัวรอด หรือช่วยเหลือตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ความแตกต่างของผู้คนและความรู้สึกที่มีให้กัน ก็ทำให้เหตุการณ์ในสภาพแวดล้อมที่ดูนิ่ง ๆ มีความเคลื่อนไหว มีอารมณ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นความตื่นเต้น ความสิ้นหวัง ความหดหู่ ที่ช่วยเพิ่มความเห็นอกเห็นใจในตัวละคร ความซาบซึ้ง และอารมณ์ขันที่พาผู้ชมลงลึกไปถึงความสัมพันธ์ในสังคมกลางหิมะ

แล้วเมื่อถึงเวลาหนึ่ง ตัวละครบางรายที่ได้ใจผู้ชมก็กลายเป็นตัวละครที่ทำให้เกิดความสะเทือนใจ ทั้งกับเพื่อน ๆ ร่วมจอ และบรรดาคนที่รอดูชะตากรรมของพวกเขา ถือเป็นความพลิกผัน จุดหักมุม ในหนังที่เรื่องราวส่วนใหญ่ผู้ชมไม่น้อยน่าจะพอรู้อยู่ รวมถึงช่วยเร่งให้คนที่อยู่ร่วมกันต้องตัดสินใจบางอย่าง ที่ไม่ต่างไปจากการนำเรื่องราวไปสู่ไคลแม็กซ์

ขณะที่การนำเสนอทุกอย่างให้ดู “จริง” มากที่สุด ตั้งแต่การคัดเลือกนักแสดงที่ส่วนใหญ่เป็นนักแสดงหน้าใหม่ แต่ก็เล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติ ปราศจากรัศมีหรือพลัง “ดารา” งานด้านภาพที่ไม่ผิดไปจากภาพยนตร์สารคดี ก็ทำให้ผู้ชม “เชื่อ” ในสิ่งที่ได้เห็นบนจอ ว่านี่คือ “เรื่องเล่า” ที่สร้างมาจาก “เรื่องจริง”

รวมถึงรู้สึกได้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและผ่านไปกว่าครึ่งศตวรรษครั้งนี้ หรือเหตุการณ์ที่คล้าย ๆ กัน สามารถเกิดขึ้นได้กับใครก็ได้บนโลกใบนี้ และไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดี หรือมีโอกาสรอดจากความตายได้ในแบบพวกเขา

แต่ถ้ามีโชคและโอกาส ศรัทธาในความเป็นมนุษย์ คุณค่าของการมีชีวิต และคุณค่าของชีวิต ความยิ่งใหญ่ของมิตรภาพ ก็คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้กลับมาอยู่ในสังคมที่คุ้นเคยได้อีกที

ผู้กำกับ: เจ.เอ. บาโยนา ผู้เขียนบท: เจ.เอ. บาโยนา, เบอร์นัต วิลาพลานา, ไฆเม่ มาร์เควส, นิโคลาส คาซาริเอโก จากหนังสือ ‘La sociedad de la nieve’ ของ พาโบล วิเอร์ซี นักแสดง: เอ็นโซ โวกรินซิก, มาติอัส เรคัลต์, อกุสติน พาร์เดลลา, โทมัส วูล์ฟ, ดีเอโก เวเกซซี, อกุสติน เดลลา คอร์เต,วาเลนติโน อลอนโซ

โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ วิจารณ์-แนะนำ นิตยสารสีสัน ปีที่ 35 ฉบับที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567

ให้กำลังใจและสนับสนุนเราได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วแจ้งมาที่กล่องข้อความของเพจ sadaos หรือที่อีเมล shopsadaos@gmail.com เพื่อรับของขวัญแทนน้ำใจ

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์หรือกดติดตามเพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่

What is your reaction?

Excited
0
Happy
1
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:Movie Review

Comments are closed.