FEATURESMusic Featuresวันนี้ ในโลกดนตรี

วันนี้ในโลกดนตรี 7 กรกฎาคม

1992: Dream Theater ออกอัลบัมชุดที่สองของวง Images And Words ซึ่งกลายมาเป็นอัลบัมสำคัญของดนตรีโพรเกรสสีฟ เมทัล

2007: Live Earth คอนเสิร์ตซีรีส์ที่จัดขึ้นเพื่อรวมพลังต่อต้านสภาวะโลกร้อน ถูกจัดขึ้นในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก

คอนเสิร์ตครั้งนี้เกิดขึ้นในแบบเดียวกับคอนเสิร์ตการกุศลที่เกิดขึ้นในครั้งก่อน ๆ หน้า เช่น Live Aid กับ Live 8 ที่เป็นการต่อสู้กับความหิวโหยและความทุกข์ยากในโลก รวมไปถึง No Nukes ที่เป็นการต่อต้านการใช้พลังงานนิวเคลียร์ Live Earth เป็นการเรียกร้องให้ลุกขึ้นมาทำอะไรกับภาวะโลกร้อน แต่เป็นไปในแบบที่หักมุม เมื่อคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นต่อเนื่องกันทั่วโลกครั้งนี้ ใช้บริการศิลปินมากกว่า 150 รายทั่วโลก เพื่อส่งสารเรื่องความเป็นมิตรกับสภาพแวดล้อมออกไปยังกว่า 130 ประเทศ ผ่านการออกอากาศทางโทรทัศน์, วิทยุ และอินเทอร์เน็ต

คอนเสิร์ตอนุรักษ์ธรรมชาติครั้งนี้ มีเควิน วอลล์ ผู้ก่อตั้ง Save Our Selves กลุ่มกิจกรรมเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม และอดีตรองประธานาธิบดีอัล กอร์ เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญ โดยกอร์ได้สานต่อการรณรงค์ให้ผู้คนได้รับรู้เรื่องของสภาวะโลกร้อน ซึ่งถูกนำเสนอในสารคดีเรื่อง An Inconvenient Truth เมื่อปี 2006 ในเรื่องการรับและให้ผู้ชมรวมถึงศิลปินได้ลงนามในพันธะสัญญา 7 ข้อ ซึ่งมีเรื่องใช้การขนส่งที่ประหยัดพลังงาน, การต่อสู้เพื่อให้มีการผ่านกฎหมาย ในเรื่องการใช้พลังงานหมุนเวียน

แต่คอนเสิร์ต Live Earth กลับล้มเหลวในการดึงผู้ชมโทรทัศน์ในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร หากสามารถทำสถิติใหม่ในเรื่องความบันเทิงออนไลน์ เมื่อมีผู้ชมการสตรีมกว่า 15 ล้านคน ระหว่างการถ่ายทอดสด และอีกกว่า 40 ล้านคนจนถึงเดือนต่อมา ศิลปินที่ร่วมงานก็มี Genesis, Duran Duran, Red Hot Chili Peppers, Metallica, เคลลี คลาร์กสัน, คานเย เวสต์, การ์ธ บรูกส์, Bon Jovi, ชาคีรา และเล็นนี คราวิตซ์

แต่การอนุรักษ์ธรรมชาติไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงแม้ผู้จัดตั้งใจจะให้งานนี้เป็นไป โดยเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ทาง Mother Nature ต้องจ่ายเงินมหาศาลเพื่อพลังงานที่ใช้ในการขนส่งศิลปิน, ทีมงาน และผู้ชมทั่วโลก เอบีซีนิวส์ รายงานว่า ต้องมีการปลูกต้นไม้กว่า 100,000 ต้น เพื่อชดเชยคาร์บอนที่เกิดขึ้นระหว่างการแสดงคอนเสิร์ต ซึ่งก่อให้เกิดขยะมากถึง 1,000 ตัน

ขณะที่กอร์ยืนยันว่า Live Earth ประสบความสำเร็จในการทำให้คนรับรู้ถึงสภาพอากาศที่อยู่ในภาวะวิกฤตมากขึ้น แต่จอห์น เมเยอร์ที่ไม่ได้เซ็นพันธะสัญญากับกอร์ มองแตกต่างไป “ถ้าคุณอยากบอกว่า ผมไม่ใช่พวกอนุรักษ์ธรรมชาติเลย คุณพูดถูก” เขากล่าวในงานแถลงข่าว หลังการแสดงของเขาที่นิวยอร์ก/ นิวเจอร์ซีย์ จบลง “เรามาอยู่ที่ร่วมกันก็แค่เพื่ออยากจะบอกว่า ‘เราต้องการมีสุขภาพที่ดีขึ้น'”

2009: หลังพิธีที่จัดแบบส่วนตัวที่สุสานฟอเรสต์ ลอว์น ในฮอลลีวูด ฮิลล์ส ก็มีการจัดงานศพของไมเคิล แจ็คสัน ต่อสาธารณชนขึ้นที่สเตเพิลส์ เซนเตอร์ ในลอส แอนเจลิส โดยบรรดาเครือข่ายสถานีโทรทัศน์ส่วนใหญ่ทำการถ่ายทอดงานนี้ ซึ่งมีผู้ร่วมงานอย่าง โคบี ไบรอันต์, มารายห์ แครีย์, Andrae Crouch Choir, แบร์รี กอร์ดี ผู้ก่อตั้งค่ายเพลงโมทาวน์, เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน, เมจิก จอห์นสัน, จอห์น เมเยอร์, ลิโอเนล ริชี, สโมคีย์ โรบินสัน, บรูก ชีลด์ส, อัชเชอร์ และสตีวี วอนเดอร์

ครอบครัวแจ็คสันนั่งอยู่แถวหน้าในงาน บรรดาน้องสาวสวมชุดดำ ส่วนพวกพี่ชายต่างสวมถุงมือปักเลื่อมสีขาวข้างเดียวเพื่อเป็นเกียรติแก่น้องชายผู้ล่วงลับ เพื่อนและศิษย์เก่าของค่ายโมทาวน์ – สโมคีย์ โรบินสัน เป็นคนเปิดงานโดยอ่านจดหมายแสดงความเสียใจ จากบรรดาคนสำคัญที่ไม่สามารถมาร่วมงานได้ เช่น ไดอะนา รอสส์ และอดีตประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ เนลสัน แมนเดลา ขณะที่เอลิซาเบ็ธ เทย์เลอร์ เพื่อนสนิทที่คบหามานานของแจ็คสัน ไม่มาร่วมงาน หากก็ทวีตข้อความว่า เธอไม่อยากอยู่ท่ามกลาง “ผู้คนมากมายในที่สาธารณะ” ขณะที่บรรดาเพื่อนๆ และผู้ที่ชื่นชมแจ็คสันต่างพากันปรากฏตัวเพื่อเป็นเกียรติแก่ราชาเพลงพ็อปรายนี้มากมาย มารายห์ แครีย์เป็นศิลปินที่ขึ้นแสดงเป็นคนแรก โดยร้องเพลงฮิตของเธอ ซึ่งเป็นการนำเพลงงดังของ the Jackson 5 “I’ll Be There” มาตีความใหม่ ร่วมกับเทรย์ ลอเรนซ์

แม้จะไม่ได้มาร่วมงาน แต่มายา แองเจลู ก็เขียนบทกวีพิเศษสำหรับโอกาสนี้ ซึ่งอ่านโดยควีน ลาติฟาห์ ซึ่งเป็นบทกวีที่ชื่อว่า “We Had Him” เพื่อชื่นชมพรสวรรค์ที่หาได้ยากยิ่งของแจ็คสัน โดยย้ำว่า “เขามาหาเราในฐานะผู้สร้างสรรค์ ผู้สร้างสรรค์สารพัดสิ่งต่าง ๆ เอาไว้มากมาย” ลาติฟาห์ที่โตมากับการฟังเพลงของพ็อปสตาร์รายนี้และพี่ ๆ ของเขา ยังพูดถึงความสัมพันธ์ที่แสนพิเศษที่แฟน ๆ กับนักร้องผู้จากไปมีร่วมกัน “ด้วยอะไรบางอย่าง เมื่อไมเคิล แจ็คสันร้อง, เมื่อเขาเต้น เขาไม่เคยรู้สึกเลยว่าอยู่ห่างจากแฟน ๆ” เธอกล่าว “เขารู้สึกราวกับตัวเองอยู่ตรงหน้าแฟน ๆ”

คนอื่น ๆ ที่รู้จักแจ็คสัน ไม่ว่าจะโดยส่วนตัว หรือจากหน้าที่การงาน ต่างร่วมแบ่งปันความทรงจำของพวกเขาที่มีต่อราชาเพลงพ็อป แบร์รี กอร์ดี ผู้ก่อตั้งค่ายเพลงโมทาวน์ และเซ็นสัญญากับวงเดอะ แจ็คสัน ไฟว์ ในปี 1969 ถึงกับได้รับการปรบมือแสดงความชื่นชม จากความเห็นที่มีต่อซูเปอร์สตาร์รายนี้ว่า “เขายกระดับมาตรฐานขึ้นมา แล้วจากนั้นก็ทำลาย” เขากล่าว “ยิ่งผมพูดถึงไมเคิล แจ็คสันมากเท่าไหร่ ผมยิ่งรู้สึกว่า การเป็นราชาเพลงพ็อป ไม่ยิ่งใหญ่พอสำหรับเขา… ผมคิดง่าย ๆ ว่า เขาคือผู้สร้างความบันเทิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา”

หลังจากการแสดงของสตีวี วอนเดอร์ ที่ร้องเพลง “Never Dreamed You’d Leave In Summer” เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน ที่ร้อง “Will You Be There” ที่ตีความใหม่ในแบบกอสเพล นักแสดงหญิงบรูก ชีลด์ส มาเล่าความทรงจำ เมื่อครั้งที่เธอกับแจ็คสันมีในช่วงที่เป็นวัยรุ่น ซึ่งทั้งคู่แทบจะแยกจากกันไม่ออก “เรามีพันธะผูกพันกัน” อดีตนักแสดงเด็กกล่าว “และบางที มันคงเป็นเพราะเราทั้งคู่ต่างเข้าใจว่า การอยู่ท่ามกลางความสนใจตั้งแต่ยังเด็ก มันเป็นยังไง” เธอยังเปรียบความอ่อนไหวของแจ็คสันกับตัวละครที่เป็นชื่อเรื่องของหนังสือ The Little Prince ที่เขียนโดย อังตวน เดอ แซ็งต์-เอ็กซูเปรี พร้อมทั้งอ่านบางส่วนจากหนังสือ ที่ตามด้วยการร้องเพลงโปรดของแจ็คสัน “Smile” โดยเจอร์เมน แจ็คสัน ซึ่งเป็นเพลงที่แต่งโดนนักแสดงในยุคหนังเงียบ ชาร์ลี แชปลิน

อัชเชอร์ นักร้องอาณ์แอนด์บี ที่ขึ้นมาร้องเพลง “Gone Too Soon” ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อที่จะร้องเพลงนี้ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกให้จบ ต่อหน้าโลงศพสีทองของศิลปินวัย 50 ปี และได้รับการโอบกอดจากบรรดาสมาชิกครอบครัวแจ็คสันหลังการแสดงจบลง ไลโอเนล ริชีที่ได้จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต เมื่อได้เล่นเปิดการแสดงของเดอะ แจ็คสัน ไฟว์เมื่อเกือบ ๆ 4 ทศวรรษก่อน ขึ้นมาบนเวที เพื่อร้องเพลง “Jesus Is Love” ของ The Commodores

หลังการแสดงอย่างต่อเนื่องจากศิลปินสลับกับการแสดงความเห็นจากบรรดานักกีฬาชื่อดัง อย่าง โคบี ไบรอันต์และเมจิก จอห์นสัน รวมถึงนักการเมือง เช่น ชีลา แจ็คสัน-ลี ที่มาในฐานะตัวแทนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐอเมริกา สมาชิกครอบครัวแจ็คสันก็ขึ้นเวที ซึ่งก็รวมไปถึงลูก ๆ 3 คนของนักร้องผู้จากไป ที่ระหว่างยังมีชีวิตเขาปกป้องเด็ก ๆ เหล่านี้จากสื่อต่าง ๆ พารีส ลูกสาววัย 11 ปี เป็นผู้กล่าวคำแถลงการณ์ที่เปี่ยมอารมณ์ และไม่ได้มีการเตรียมตัวล่วงหน้า “ฉันแค่อยากบอกว่า นับตั้งแต่ฉันเกิดมา พ่อคือพ่อที่ดีที่สุดที่คุณสามารถจินตนาการขึ้นมาได้ และฉันเพียงต้องการบอกว่า หนูรักพ่อมาก”

งานปิดด้วยเพลง “Man In The Mirror” ฉบับบรรเลง ขณะที่สปอตไลต์ดวงเดียวฉายจับไปบนเวทีที่ว่างเปล่า เพื่อตอกย้ำถึงการหายไปของราชาเพลงพ็อป

ให้กำลังใจและสนับสนุนเราได้ที่บัญชีธนาคารกสิกรไทย หมายเลข 100-2-10283-4 แล้วแจ้งมาที่กล่องข้อความของเพจ sadaos หรือที่อีเมล shopsadaos@gmail.com เพื่อรับของขวัญแทนน้ำใจ

ติดตามอ่านเรื่องราว ข่าวสาร ชมตัวอย่าง ชมคลิป ชม MV อ่านวิจารณ์หนังและเพลง ได้ด้วยการกดไลค์เพจสะเด่าส์ ได้ที่นี่

What is your reaction?

Excited
0
Happy
0
In Love
0
Not Sure
0
Silly
0
Sadaos
พบข่าวสารจากวงการหนัง-เพลง ภาพสวยของดาราสาว, วิจารณ์-แนะนำ งานเพลง, ภาพยนตร์ และรับสั่งซื้อ CD/ DVD ทั้งในและต่างประเทศ. Sadaos Is entertainment news page and online shop for people who love movie and music. We sell many entertainment items like used and new DVD, CD, postcards, accessory, souvenirs.

You may also like

More in:FEATURES

Comments are closed.