เมื่อศิลปินเป็นสิบๆ ราย เตรียมฟ้องยูนิเวอร์แซล มิวสิค กรุป หลังไฟไหม้มาสเตอร์เป็นเถ้าถ่าน

จากรายงานของเดอะ นิว ยอร์ค ไทม์ส ที่ระบุว่าเหตุเพลิงไหม้ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอเหตุ เมื่อปี 2008 ได้ทำลายมาสเตอร์เทปและงานบันทึกเสียงของศิลปินมากมาย กว่า 500,000 เพลง ซึ่งบางส่วนก็คือผลงานระดับตำนานและงานของศิลปินที่เป็นที่รู้จักกันดี อาทิ อัลบัม Nevermind ของ Nirvana, งานทั้งหมดของบัดดี ฮอลลี, งานที่หาฟังยากของมัดดี วอเทอร์ส และชัค เบอร์รี, รวมทั้งงานของอารีธา แฟรงคลิน, เอลตัน จอห์น, Tom Petty & the Heartbreakers, เจเน็ท แจ็คสัน, เอมิเน็ม, แมรี เจ. ไบลจ์, เรย์ ชาร์ลส์, Guns N’ Roses, เอลลา ฟิทซ์เจอราลด์, the Eagles, ไมลส์ เดวิส, Nine Inch Nails, บิลลี ฮอลิเดย์ ฯลฯ ซึ่งหมายความว่า อัลบัมหลายๆ ชุด เพลงหลายๆ เพลงตกอยู่ในคำถามว่า ฉบับที่ดีที่สุดที่หาฟังกันได้คือ งานที่ก็อปปีจากมาสเตอร์เพื่อออกวางขายหรือเปล่า?

ขณะที่เรื่องราวก็ลุกลามใหญ่โตไม่แพ้เชื้อไฟ เมื่อบรรดาศิลปินหลายๆ รายที่เชื่อว่า ผลงานของตัวเองกลายเป็นเถ้าถ่านในกองเพลิงเมื่อปี 2008 จะฟ้องยูนิเวอร์แซล มิวสิค กรุป โดยโฮเวิร์ด คิง ทนายของสำนักงานกฎหมาย King, Holmes, Paterno & Soriano เผยว่า ทางบริษัทมีแผนที่จะยื่นฟ้องในนามของศิลปินมากกว่าสิบราย แต่ไม่ถึงร้อยราย โดยอ้างว่า “อนาคตในบางประการของหลายๆ ที่ต้องสูญเสียไป เป็นเรื่องที่สำคัญเกินกว่าที่จะทำการฟ้องร้องในนามกลุ่มบุคคล”

ในตอนที่เกิดเหตุ ทางยูนิเวอร์แซลพยายามประสานงานอย่างเต็มที่เพื่อให้เรื่องถูกเก็บเงียบ และศิลปินหลายๆ รายก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากิดอะไรขึ้น โดยหลายๆ คนเพิ่งรู้ข่าวร้ายจากรายงานของเดอะ นิว ยอร์ค ไทม์สด้วยซ้ำ วง Hole ของคอร์ทนีย์ เลิฟ เผยออกมาว่า ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่รู้เลยว่ามาสเตอร์เทปของตัวเองถูกทำลาย ขณะที่ทางผู้จัดการวง Steely Dan ก็บอกว่า ทางวงรู้แค่มาสเตอร์เทปของพวกเขาหาย แต่ไม่เคยมีคำ ‘อธิบายอย่างมีเหตุผลจากยูนิเวอร์แซล มิวสิค กรุปเลยว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้ยังไง ส่วนเควสท์เลิฟมือกลองของวง The Roots ก็ระบุว่า เหตุไฟไหม้น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้อัลบัมชุดที่ 2 และ 3 ของพวกเขา Do You Want More?!!!??! กับ Illadelph Halflife ไม่มีการทำออกมาขายอีก แล้วยังย้ำว่า บรรดาเพลงที่ยังไม่เคยนำออกมาวางจำหน่ายระหว่างการทำงานสองชุดที่ว่า ก็น่าจะถูกทำลายไปด้วย

เอ็ด แม็คเฟอร์สัน จากสำนักกฎหมาย McPherson LLP เผยด้วยว่า มีนักดนตรี, ศิลปินมากมาย ที่กังวลกับเรื่องมาสเตอร์ เทปที่หายไปของพวกเขา และ “พยายามหาข้อเท็จจริงให้ได้ทุกวิถีทาง” และ “มันเป็นเรื่องที่ผมแทบจะไม่เข้าใจว่า บริษัทแผ่นเสียงใหญ่ระดับนี้ ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้ยังไง กับมาสเตอร์ที่ย้อนกลับไปถึงยุค 1940s ซึ่งไม่สามารถหามาทดแทนได้ แต่พวกเขากลับไม่เอามันเก็บไว้ในวัตถุที่กันไฟ หรืออะไรก็ตามที่ป้องกันความร้อน มันทำให้ผมอึ้งไปเลย”

“เรามีลูกค้ากังวลกับเรื่องนี้หลายราย” คิงเล่าต่อ “มันเป็นเรื่องที่มีผลกับอนาคตของพวกเขาอย่างมาก รวมไปถึงความจริงที่น่าตระหนกว่า ไม่มีใครบอกพวกเขาเลยว่า สินทรัพย์ทางปัญญาของพวกเขาอาจจะถูกทำลายไปแล้ว” คิงบอกอีกว่า “มีการเจรจาสำคัญๆ เกิดขึ้นไปแล้ว และเป็นการกระทำที่เป็นทางการ”

ที่น่าตลกก็คือ หลังจากรายงานของเดอะ นิว ยอร์ค ไทม์สเผยออกมา ทางยูนิเวอร์แซล มิวสิค กรุป ออกแถลงการณ์มาแค่ว่า “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่โชคร้ายอย่างที่สุด ไม่มีผลกระทบกับงานที่ออกวางจำหน่ายหรือรายได้ของศิลปิน”

ส่วนบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของบริษัท ที่ทำงานกับทางยูนิเวอร์แซล มิวสิค กรุปในช่วงปี 2008 ต่างก็ปฏิเสธหรืองดแสดงความเห็นในเรื่องนี้ และในตอนนี้ทางยูนิเวอร์แซล มิวสิค กรุปก็ยังไม่ออกมาแถลงว่าจะทำอะไรบ้างในกรณีนี้ ขณะที่ประธานและซีอีโอของบริษัท – ลูเซียน เกรนจ์ ก็เพิ่งมารับตำแหน่งเมื่อปี 2011 หลังเกิดเหตุถึง 3 ปี

และแน่นอนว่า เรื่องนี้นั้น คงต้องตามกันต่อแบบยาวๆ เลยทีเดียว

โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง เมื่อศิลปินเป็นสิบๆ ราย เตรียมฟ้องยูนิเวอร์แซล มิวสิค กรุป หลังไฟไหม้มาสเตอร์เป็นเถ้าถ่าน คอลัมน์ ดนตรีมีเหตุ หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 26 มิถุนายน 2562