เขียนถึงข่าวทีวีไป วันนี้..สนจ. ไปเจอบทความของนักข่าวรุ่นน้องที่เคยร่วมงานกันที่ นสพ.ไทยไฟแนนเชียล หลังโดน ”เอามีดปักหลัง’ เลือดโชกออกมาด้วยกัน เขาระเห็จไปผจญภัยอยู่อเมริกา..นานหลายปี เคยทำหน้าที่เป็น ”ผู้ประสานงาน” ทีมข่าวจากฟรีทีวีไทยที่เดินทางไปทำข่าวเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตอนนี้กลับมาปักหลักมีครอบครัวอยู่เมืองไทย แต่ก็ยังวนเวียนอยู่ในแวดวงข่าว บทความเรื่องนี้ เป็นทัศนะและข้อเขียนส่วนตัวของเขา สนจ. ว่าน่าสนใจ.. ก็เลยไปคัดลอกหรือ ก๊อปปี้มาจากเพจข่าวของ ”ประชาไท” เพื่อมาให้อ่านกัน เป็นอีกทัศนะและมุมมองที่เขาเคยทำข่าวแบบไทยๆ แล้วไปเห็นของนอก แล้วกลับมาเห็นของไทย..ก็ขออนุญาต บก.เว็บเพจประชาไทในการตีพิมพ์ซ้ำกันไว้ตรงนี้เลย
เปรียบเทียบ ”ทีวีสาธารณะแบบอเมริกา-ไทย” -1
พีร์พงศ์ พิพัฒนพันธุ์
เปรียบเทียบและข้อสังเกตบางประการ ของ PBS ของสหรัฐอเมริกา และไทยพีบีเอสของไทย
กิจการของทีวีสาธารณะ หรือที่รู้จักกันในชื่อ PBS เป็นชื่อของทีวีสาธารณะของอเมริกัน มาจาก Public Broadcasting Service เป็นองค์กรไม่หวังผลกำไร ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1970 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันนับเป็นเวลาประมาณ 42 ปีแล้ว โดยมีสำนักใหญ่ที่เมืองอาลิงตัน มลรัฐเวอร์จิเนีย เมืองเดียวกับสถานที่ตั้งสำนักงาน CIA
ส่วน ”Thai PBS” อยู่ภายใต้การกำกับดูแลขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ซึ่งเปิดดำเนินการ 15 มกราคม พ.ศ. 2551 พยายามเอาปรัชญาหรือแนวคิด (หรือเลียนแบบ) กิจการของทีวีสาธารณะของอเมริกันแห่งนี้ ภายหลังจากที่กิจการ ITV เดิมที่ใช้ระบบการประมูล ประกอบกิจการไม่เป็นผลสำเร็จ
เรียกว่า แม้แต่การก่อเกิดองค์กรก็แตกต่างกันเสียแล้ว แม้ทีวีฟากไทยได้พยายามจะลอกเลียนแบบรูปแบบ (Concept) การบริหารจัดการและการทำรายการของ US PBS ก็ตาม แต่จากรูปการณ์แล้ว หลายอย่างไม่น่าจะเป็นไปตามที่คาดหวังกันไว้แต่แรก
อาจมองได้ว่า ระบบการทำสื่อทีวีของไทยกับระบบของอเมริกันแตกต่างกัน แต่ก็ไม่แน่เสมอไป เพราะเดี๋ยวนี้ระบบการบริหารจัดการเทคโนโลยีและระบบข้อมูลแทบไม่แตกต่างกัน เมื่อโลกกลายเป็นหนึ่งเดียวอย่างไม่สามารถแยกข้อมูลสารสนเทศออกจากกันได้อีกต่อไป อีกนัยหนึ่งก็คือ ปัจจุบันแทบไม่มีพรมแดนด้านข่าวสารข้อมูลหลงเหลืออยู่อีกแล้วนั่นเอง คงไม่บังอาจเทียบกิจการทีวีสาธารณะของ 2 ประเทศ คือ ไทยกับอเมริกัน ขณะที่ข้างหนึ่งเพิ่งโตมาเพียงไม่กี่ปี อีกข้างหนึ่งโตมา 40 กว่าปี ซึ่งนับว่าแตกต่างกันมาก แต่อย่างที่บอก คือโลกปัจจุบัน ระบบสื่อมวลชนไม่ว่าอเมริกาหรือไทยแทบไม่แตกต่างอะไรกันมากนัก การหาข้ออ้างเรื่องระยะเวลาการเติบโต หรือการฟูมฟักกิจการจึงไม่น่าจะถูกต้องทั้งหมด
โดยเหตุที่ทีวีสาธารณะเป็นของคนทุกคน ในระบบของอเมริกัน ทีวีสาธารณะนำเสนอรายการที่เน้นเนื้อหาสาระแทบจะเต็มๆ ทีเดียว และโดยเหตุที่อเมริกาเป็นประเทศใหญ่ จึงมีสถานี PBS ท้องถิ่นกระจายอยู่ทั่วไปในหลายๆ รัฐ รายการ และรูปแบบรายการก็แตกต่างกันไปตามท้องถิ่นหรือรัฐนั้นๆ
รูปแบบทุนสนับสนุนกิจการของ US PBS มาจาก 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นเงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลาง ส่วนที่สอง เป็นเงินสนับสนุนจากผู้บริจาค หรือจากบรรดาสมาชิกของ PBS เอง ซึ่งเงินสนับสนุนในส่วนที่สองนี้นับเป็นทุนสนับสนุนส่วนใหญ่ มีจำนวนเกินกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่าทุนที่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐเสียด้วยซ้ำ
ข้อวิพากษ์ถึงความเป็นกลางของทีวีอเมริกันช่องเดียวกันนี้มีอยู่ แต่ไม่ค่อยมากนัก จากการสำรวจของ Roper polls ซึ่งเป็นสถาบันวิจัย พบว่า US PBS เป็นองค์กรที่คนอเมริกันให้ความไว้วางใจมากที่สุด
ส่วนหนึ่งเพราะสถานีเดียวกันนี้มีรายการที่เน้นไปเพื่อการศึกษาเสียมาก เป็นรายการการศึกษาอย่างจริงจัง (ซีเรียส) หรืออย่างเป็นการเป็นงานเสมือนการทำวิจัย ไม่เป็นแบบสุกเอาเผากิน (นิยามของ ”ทีวีเพื่อการศึกษา” ของสื่อองค์กรนี้ไม่ได้หมายถึงการศึกษาในรูปแบบการเรียนการสอนทางไกล แต่เป็นการศึกษาผ่านสื่อทีวีเพื่อให้ความรู้กับประชาชนในหลายๆ ด้านอย่างกลมกลืนกับการรับสื่อในชีวิตประจำวัน เช่น ด้านประวัติศาสตร์ ด้านสังคม ด้านวัฒนธรรม ด้านสภาพแวดล้อม เป็นต้น) ในส่วนของการนำเสนอด้านข่าวของ PBS ส่วนใหญ่เป็นการสัมภาษณ์และเป็นการวิเคราะห์ข่าวมากกว่าที่จะเน้นการทำข่าวเสียเอง เช่น รายการ NewsHour ของ จิม เลห์เรอร์ (Jim Lehrer) ที่ถือว่าอยู่มานานหลายปี มีชื่อเสียงและมีความน่าเชื่อถือมาก ส่วนรายการข่าวก็อย่างเช่นรายการ Frontline สำแดงถึงศักยภาพที่เป็นที่น่าเชื่อได้ว่า ไม่เอียงข้าง (ไม่เอียงข้างทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ คงเป็นไปไม่ได้ แต่อย่างน้อย US PBS ก็ได้รับการวิจารณ์ในทำนองนี้น้อยกว่าทีวีอเมริกันช่องพาณิชย์อื่นๆ)
ต้นฉบับมันยาวนะครับ..อยากให้อ่านกันเต็มๆ แบบไม่ตัดทอน..ขออนุญาตลากยาวต่ออีกวันพรุ่งนี้อีกสักวัน
จากเรื่อง ทีวีสาธารณะ… โดย สนานจิตต์ บางสพาน คอลัมน์ โลกมายา หนังสือพิมพ์สยามดารา วันที่ 11 กันยายน 2013