ปีนี้ ดิสนีย์น่าจะกลายเป็นสตูดิโอที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดได้ไม่ยาก จากผลงานอย่าง Captain Marvel, Avengers: Endgame ที่ทำเงินทะลุหลักพันล้านไปแล้วทั้งคู่ และยังมีหนังเต็งหามที่รอจ่อฉายอยู่อีก เช่น Aladdin, The Lion King ที่ต่างก็เป็นหนังคนแสดงที่สร้างจากหนังการ์ตูน ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม รวมไปถึงภาคต่อของ Maleficent, Frozen และหากมองไปถึงอีกอย่างน้อยๆ 2 ปีข้างหน้า ดิสนีย์ก็น่าจะเป็นบริษัทที่ครองส่วนแบ่งตลาดภาพยนตร์มากที่สุดอยู่ดี หลังจากมีการประกาศรายชื่อภาพยนตร์ที่จะออกฉายในปีนี้ไล่ไปถึงปี 2021 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการรวมเอาหนังของทะเว็นตีเซ็นจูรีฟ็อกซ์ ที่เพิ่งควบรวมกิจการกับดิสนีย์เข้ามาด้วย
โดยหนังที่เป็นโปรเจ็คท์ต่อเนื่องที่จะมาจากทางฟ็อกซ์ ก็มี Avatar 2, X-Men, Kingsmen, และ งานรีเมค West Side Story ที่กำกับโดยสตีเวน สปีลเบิร์ก แต่ก่อนที่จะไปดูว่าในอีก 2 ปีข้างหน้า ดิสนีย์จะมีหนังเรื่องอะไรให้เราดูบ้าง มาดูกันว่าในอีกไม่กี่เดือนที่เหลือของปีนี้ เราจะได้ดูอะไรจากพวกเขากันก่อนดีกว่า โดยกำหนดฉายที่ระบุ เป็นกำหนดฉายในสหรัฐอเมริกา
เริ่มกันที่ หนังคนแสดงของ Aladdin ในวันที่ 24 พฤษภาคม, แอนิเมชัน Toy Story 4 – 21 มิถุนายน, งานรีเมคใช้คนแสดงแบบเพอร์-แคป The Lion King – 19 กรกฎาคม, หนังภาคต่อจากเรื่องราวตอนแยกของ Sleeping Beauty จากมุมมองของตัวร้าย มาเลฟิเซนท์ Maleficent: Mistress of Evil 18 ตุลาคม, แอนิเมชัน Frozen 2 – 22 พฤศจิกายน และหนัง Star Wars: The Rise of Skywalker 20 ธันวาคม
ขณะที่หนังของฟ็อกซ์ที่จะถูกปล่อยฉายภายใต้ชายคาของดิสนีย์ ก็มี หนัง X-Men เรื่องใหม่ Dark Phoenix วันที่ 7 มิถุนายน, หนังดรามาในอวกาศของ แบรด พิทท์ Ad Astra – 20 กันยายน, หนังระทึกขวัญสายรางวัล The Woman in the Window – 4 ตุลาคม และแอนิเมชัน Spies in Disguise ฉายรับคริสต์มาส
ซึ่งเห็นได้ชัดว่า ต่อให้ไม่มีหนังของฟ็อกซ์เข้ามาอยู่ในตารางการฉาย หนังของดิสนีย์เองก็มีความแข็งแรงมากพอที่จะทำให้สตูดิโอตราหนูแห่งนี้ เป็นสตูดิโอที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในปีนี้ได้อยู่ดี การที่ได้หนังของฟ็อกซ์มาอยู่ในตารางการฉาย ก็เป็นแค่การตอกย้ำว่าจะได้มากกว่าเดิมเท่าไหร่ และจากการประกาศอย่างเป็นทางการของบริษัทว่า หนังที่อยู่ในการดำเนินงานสร้างที่พ่วงมากับฟ็อกซ์ที่จะปล่อยฉายในระยะปี – สองปี นี้มีอะไรบ้าง ก็คือการการันตีว่า บัลลังก์สตูดิโอหมายเลข 1 ของวงการที่ดิสนีย์นั่งอยู่นั้น ไม่มีวันสั่นคลอนแน่นอน
โดยในปี 2020 ดิสนีย์จะมีแอนิเมชันเรื่องใหม่ของพิกซาร์ ออกฉายในวันที่ 6 มีนาคม นอกจากนี้ในปีเดียวกันยังมีหนังที่ยังไม่ประกาศชื่อของพิกซาร์อีกเรื่องจองโรงไว้ในวันที่ 19 มิถุนายน, มีหนังฉบับคนแสดงของ Mulan – 27 มีนาคม, หนังมาร์เวลสองเรื่องที่ยังไม่ประกาศออกมา ในวันที่ 1 พฤษภาคม และ 6 พฤศจิกายน, มี Cruella หนังตอนแยกจากเรื่อง 101 Dalmatians ใช้คนแสดง ที่เล่าเรื่องจากตัวร้ายของหนัง ครูเอลลา เดอ วิลล์ ฉายในวันที่ 23 ธันวาคม
ส่วนหนังที่เป็นโปรเจ็คทของทางฟ็อกซ์ ก็จะมี West Side Story ฉบับสร้างใหม่ของสตีเวน สปีลเบิร์ก เปิดตัวในวันที่ 18 ธันวาคม, หนัง Kingsman เรื่องที่ 3 ฉายรับวาเลนไทน์ และหนังตอนแยกของ X-Men เรื่อง The New Mutants – 3 เมษายน
แล้วไม่ใช่มีแค่นี้ มองไปถึงปี 2021 ก็ยังจะมีภาคต่อของหนังทำเงินทั่วโลกสูงสุดตลอดกาล Avatar 2 ฉายในวันที่ 17 ธันวาคม Indiana Jones 5 – 9 กรกฎาคม, มีหนังมาร์เวลเรื่องใหม่รวม 3 เรื่อง เปิดตัวฉายในวันที่ 12 กุมภาพันธ์, 7 พฤษภาคม และ 5 พฤศจิกายน แล้วก็แอนิเมชันพิกซาร์ อีกเรื่องในวันที่ 18 มิถุนายน
ขยับไปที่ปี 2022 ปีนี้ยังคงมีหนังมาร์เวลให้ดูกันสามเรื่อง ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์, 8 พฤษภาคม และ 29 กรกฎาคม, มีแอนิเมชันของพิกซาร์ 2 เรื่อง เปิดตัววันที่ 18 มีนาคม และ 17 มิถุนายน บวกกับหนัง Star Wars เรื่องใหม่ในวันที่ 16 ธันวาคม
แล้วที่ต้องขยายกันต่อก็คือ Avater ที่จะทำออกมาเป็นภาคต่อถึง 4 เรื่อง โดยภาค 2 วางกำหนดฉายไว้กลางเดือนธันวาคม 2021 อย่างที่ว่าเอาไว้ ส่วน Avatar 3 จะเป็นวันที่ 22 ธันวาคม 2023, Avatar 4 – 14 ธันวาคม 2025 และปิดท้ายด้วย Avatar 5 วันที่ 17 ธันวาคม 2027 โดยตอนนี้ยังไม่รายละเอียดใดๆ ของหนัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องย่อหรือรายชื่อนักแสดงฉบับสมบูรณ์ออกมาเลย
ขณะที่หนัง Star Wars เรื่องใหม่ ที่จะขยับขยายเรื่องราวออกไปจากพวกสกายวอลเกอร์ ซึ่งเรื่องแรกจะเปิดฉายกลางเดือนธันวาคมปี 2022 ก็มีการประกาศด้วยว่าเรื่องที่ 2 และ 3 จะฉายกันในปี 2024 และ 2026 ตามลำดับ โดยเรื่องราวของหนังชุดนี้ในตอนนี้ยังไม่มีการประกาศรายละเอียดออกมา แต่คาดกันว่าน่าจะเป็นหนังตอนแยกในสไตล์เดียวกับ Rogue One และ Solo เนื่องจากเรื่องราวหลักที่เริ่มกันมาตั้งแต่ต้น จะปิดฉากกันในหนัง Star Wars Episode IX: The Rise of Skywalker ที่จะฉายในเดือนธันวาคมปีนี้
แคธลีน ทาฟฟ์ ประธาน, ผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์, ผู้ดูแลจัดการบริหารหนังภาคต่อ และฝ่ายวิเคราะห์ธุรกิจและผู้ชม ของวอลท์ ดิสนีย์ สตูดิโอ บอกว่า “เราตื่นเต้นอย่างมากกับการวางกำหนดฉายภาพยนตร์ที่หลากหลาย และเต็มไปด้วยความแข็งแกร่ง เพื่อที่จะสามารถวางแผนการตลาดในระยะยาว ด้วยการนำเอาภาพยนตร์ที่มีขอบเขตกว้างขวางจาก ดิสนีย์, พิกซาร์, มาร์เวล, ลูคัสฟิล์ม, ฟ็อกซ์, ฟ็อกซ์ เสิร์ชไลท์ และบลู สกาย สตูดิโอ มาร่วมกันสร้างสรรค์ประสบการณ์ในโลกภาพยนตร์ให้กับผู้ชมทั่วโลก” และ “กับสถานภาพในฤดูฉายซัมเมอร์นี้ที่แข็งแกร่ง เราเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ที่จะรักษาแรงเหวี่ยงนี้ไว้ให้ดำเนินต่อไปในภายภาคหน้า ขอบคุณความคิดสร้างสรรค์เริ่มต้น ที่ทำให้เกิดเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยจินตนาการจากบรรดาสตูดิโอระดับโลกของเรา รวมไปถึงสองหนังภาคต่อที่จะมาพร้อมกับบทใหม่ๆ Avatar และ Star Wars”
แต่ที่หายไปเลยก็คือ หนังชุด Alien ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในหนังทำเงิน และหนังอมตะในคลังของฟ็อกซ์ ทั้งๆ ที่ครั้งหนึ่ง ดิสนีย์เคยออกมายืนยันว่า พวกเขามีแผนที่จะสร้างหนัง Alien ต่อ จากการแถลงข่าวในงานซีนีมาคอน เมื่อต้นปีนี้ และในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บ็อบ ไอเกอร์ ซีอีโอของดิสนีย์ ก็ย้ำว่าดิสนีย์จะสานต่อการทำหนังเรท-อาร์ จากที่ทางฟ็อกซ์เริ่มต้นเอาไว้ ซึ่งหนังชุด Alien ก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น
งานนี้คงต้องดูกันต่อไปว่าดิสนีย์จะทำไว้อย่างที่พูดหรือไม่ แต่ถ้ามองกันที่ความสำเร็จทางรายได้ และส่วนแบ่งทางการตลาด ตลอดจนหนังที่อยู่ในรายชื่อแล้ว ดูเหมือนว่า Alien ไม่น่าจะมีความหมายสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อมองไปที่รายรับของหนังชุดนี้เรื่องหลังๆ ที่ผ่านมา
โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง กำหนดฉายภาพยนตร์ของดิสนีย์ หลังรวมฟ็อกซ์ มี Avatar แต่ไม่มี Alien คอลัมน์ หรรษา วันจันทร์ – HAPPY MONDAY หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 20 พฤษภาคม 2562