หนัง Rocketman กับ Bohemian Rhapsody จะว่าไปแล้วก็มีอะไรที่ร่วมกันหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหนังเพลงชีวิตประวัติจากสตูดิโอใหญ่ของฮอลลีวูด ศิลปินเจ้าของเรื่องก็เติบโตมาในวงการเพลงยุคเดียวกัน แถมยังเคยใช้ผู้จัดการคนเดียวกัน ผู้กำกับของหนังเองก็ยังใช้ร่วมกันอีก เพราะเด็กซ์เตอร์ เฟล็ทเชอร์นั้นก่อนจะกำกับ Rocketman ก็เคยเข้าชื่อกำกับ Bohemian Rhapsody มาก่อน แต่ก็ถอนตัวออกมาให้ไบรอัน ซิงเกอร์รับงาน แต่พอซิงเกอร์โดนไล่ออก ก็เป็นเขานี่ละไปปิดงานให้จบ แล้วค่อยมาทำ Rocketman อย่างเป็นเรื่องเป็นราว
ไม่น่าแปลกใจที่หนังสองเรื่องนี้ย่อมถูกนำมาเปรียบเทียบกัน ทั้งคุณภาพของหนังและความสำเร็จที่จะได้รับ
Bohemian Rhapsody เป็นงานที่ได้ทั้งเงินและกล่อง เมื่อทำเงินได้เกือบๆ พันล้านเหรียญทั่วโลก และคว้ารางวัลมาครองมากมายในช่วงประกาศรางวัลประจำปี ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นก็คือ นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมของเรมี มาเล็ค ที่รับบทเป็นเฟร็ดดี เมอร์คิวรี นักร้องนำของวง Queen
สำหรับ Rocketman หนังเป็นเรื่องราวของเอลตัน จอห์น และเปิดตัวหลัง Bohemian Rhapsody ไม่กี่เดือน โดยหลังประเดิมสัปดาห์แรกของการออกตัวฉายในทวีปอเมริกาเหนือด้วยรายได้ 25 ล้านเหรียญ ตอนต้นเดือนมิถุนายน ซึ่งไม่ได้น้อยอะไรเลย ก็มีความเห็นลอยมาตามลมตำหนิว่า หนังเปิดตัวด้วยรายได้แค่ครึ่งเดียวที่ Bohemian Rhapsody ทำได้ในสัปดาห์เดียวกัน ซึ่งหมายความว่า ไม่น่าจะทำรายได้เช่นที่หนังประวัติของวงควีนทำได้เมื่อปีที่ผ่านมา
แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วบางที หนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้ต้องการความสำเร็จในเรื่องรายได้ขนาดนั้นหรือเปล่า? ซึ่งรีเบ็คกา รูบิน จาก variety.com ได้วิเคราะห์ถึงเรื่องนี้เอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ
เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังทำรายได้ในสหรัฐ อเมริกาถึง 51 ล้านเหรียญ Bohemian Rhapsody ก็เดินหน้ากวาดเงินจากทั่วโลกรวมแล้วกว่า 903 ล้านเหรียญ แต่กับ Rocketman ที่ทุนสร้างอยู่ที่ราวๆ 40 ล้านเหรียญ ซึ่งยังไม่รวมเงินที่ใช้ในการโปรโมทหนังทั่วโลก ที่จะทำให้งบของหนังเพิ่มสูงขึ้นไปอีก แต่แม้จะเพิ่มขึ้นอีกหลายๆ ล้านเหรียญ ก็ยังเป็นเงินที่ไม่มากมายอะไร ในยุคที่สตูดิโอต่างๆ ลงเงินเป็นร้อยล้านเหรียญสำหรับการสร้างภาพยนตร์สักเรื่อง และการที่ใช้เงินทุนอย่างจำกัดจำเขี่ยแบบนี้ หมายความว่า Rocketman ไม่จำเป็นต้องทำเงินในระดับถ้าไม่ใช่ก็ใกล้เคียงกับพันล้านเหรียญเพื่อที่จะคุ้มทุน หันกลับไปมอง Bohemian Rhapsody อีกที หนังใช้ทุนสร้างเกือบๆ 50 ล้านเหรียญ และสามารถทำรายได้แบบเก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อยๆ จนประสบความสำเร็จได้อย่างที่เห็น แต่อย่าลืมว่า Bohemian Rhapsody มีข้อได้เปรียบที่ Rocketman ไม่มี เมื่อหนังอัตชีวประวัติเรื่องนี้มีความเป็นงานตามรูปแบบเดิมๆ อย่างที่ผู้ชมคุ้นเคยมากกว่า แล้วก็เป็นหนังเรทพีจี-13 ซึ่งทำให้สามารถเข้าถึงผู้ชมหรือแฟนๆ ของวงควีนได้ทั้งรุ่นเด็กและรุ่นใหญ่ ส่วน Rocketman ที่ได้คำวิจารณ์ดีกว่านั้น ขึ้นจอด้วยความแตกต่างออกไป ไม่ว่าจะเป็นตัวหนังที่ผสมผสานกันระหว่างความเป็นหนังเพลงและงานแฟนตาซี แถมยังไม่พยายามเลี่ยงเรื่องการต่อสู้กับยาเสพติดของจอห์นอีกต่างหาก และนั่นก็ทำให้หนังมาพร้อมเรทที่แรงกว่า
“เรทหนังสามารถสร้างความแตกต่างได้มหาศาล” พอล เดอร์การาบีเดียน นักวิเคราะห์สื่ออาวุโสของคอมสกอร์กล่าว “มันทำให้พวกเขาขุดคุ้ยเข้าไปในเรื่องราวส่วนบุคคล ในแบบที่หากเป็นเรทพีจี-13 แล้วทำไม่ได้”
การได้เรท-อาร์ ยังหมายความว่า คนทำหนังจะนำเสนอเรื่องเกี่ยวกับเซ็กซ์, ยาเสพติด และชีวิตแบบร็อคแอนด์โรลล์ ได้อย่างตรงไปตรงมามากขึ้น แต่มันก็อาจจะกันผู้ชมจำนวนหนึ่งออกไป โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้ตื่นเต้นกับการได้เห็นเอลตัน จอห์นสูดโคเคนที่วางเป็นแถว หรือจมอยู่กับเหล้าเพื่อดับความกระวนกระวายของตัวเอง บนจอภาพยนตร์ ยังมีสาเหตุอื่นๆ อีกที่ทำให้หนังต้องต่อสู้อย่างหนัก เพื่อให้ได้รับการตอบรับจากคนดูในตลาดต่างประเทศ เช่น รัสเซีย ฉากรักร่วมเพศถูกเซนเซอร์ ส่วนในจีน ประเทศที่ผู้ชมเป็นอนุรักษ์นิยมจ๋า คนดูก็คงไม่เลือกชม Rocketman เลยด้วยซ้ำ
เดอการาบีเดียนย้ำด้วยว่า พาราเมาท์ผู้สร้าง Rocketman ยังไม่พยายามเคลือบน้ำตาลให้กับหนังเพื่อเลี่ยงเรท-อาร์ ซึ่ง “แสดงให้เห็นว่า พวกเขาไม่ได้มองไปที่ผลลัพธ์ทางด้านรายได้”
Bohemian Rhapsody ยังได้ประโยชน์จากการออกฉายในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ที่ทำให้หนังได้โรงฉายและทำเงินได้ดีตลอดช่วงหยุดยาวๆ แต่ Rocketman เลือกเปิดตัวในช่วงเริ่มต้นหน้าร้อน ซึ่งโปรแกรมฉายอัดแน่น และต้องเผชิญหน้ากับหนังซูเปอร์ฮีโรทุนสูง หรือว่าหนังสัตว์ประหลาด โดยวางตัวเองเป็นทางเลือกที่แตกต่าง ซึ่งยุทธศาสตร์ที่วางเอาไว้ดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี เมื่อหนังยังสามารถดึงแฟนๆ เข้าโรงได้ ท่ามกลางช่วงเวลาที่มีการแข่งขันสูงช่วงหนึ่งของปี
มองกันในเรื่องรายได้ Rocketman ไม่มีทางทำเงินได้ในระดับเดียวกับ Bohemian Rhapsody แต่ก็น่าจะทำเงินได้สูงเอาเรื่องเหมือนกันในบ็อกซ์ ออฟฟิศ ส่วนจะเป็นตัวเลขเท่าไหร่นั้น คงต้องมาดูกันอีกที แต่ในเรื่องของคำวิจารณ์ Bohemian Rhapsody ได้คะแนนความสดจากเว็บมะเขือเน่า 61% จากบทวิจารณ์ 377 ชิ้น โดยคะแนนเฉลี่ยจากบทวิจารณ์อยู่ที่ 6.11 เต็ม 10 และมีคำวิจารณ์อย่าง “Bohemian Rhapsody ทำได้ดีในระดับหนึ่ง แต่กับการมองเข้าไปมุมลึกๆ ของวงดนตรีที่ชื่นชอบ หนังเสนองานในแบบเมดลีย์มากกว่าจะเป็นการรวมเพลงที่ดีที่สุดจริงๆ” ส่วนเว็บไซท์เมตาคริติค ให้คะแนนหนังแค่ 49 จากร้อยคะแนน โดยนักวิจารณ์ 50 คน แต่กับผู้ชมที่ออกมาจากโรง Bohemian Rhapsody ได้เกรด เอ จากการสำรวจของซีนีมาสกอร์ ขณะที่การสำรวจของโพสท์แทร็ค แสดงให้เห็นว่า คนดูมองหนังในแง่ดีถึง 88% และมีถึง 75% ที่ระบุว่าจะบอกต่อ
ยิ่งไปกว่านั้น บรรดานักวิจารณ์ยังบอกว่า Bohemian Rhapsody เป็นหนึ่งในหนังที่แย่ที่สุดที่ได้รางวัลลูกโลกทองคำสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม รวมถึงได้เข้าชิงหนังยอดเยี่ยมรางวัลออสการ์
Rocketman ถือว่าทำได้ดีกว่ามาก เมื่อได้ความสดถึง 91% จากบทวิจารณ์ 284 ชิ้น และคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 7.67 เต็มสิบ แล้วก็มีคำวิจารณ์ดีๆ อย่าง “เป็นช่วงเวลาที่นานแสนนาน กว่าที่หนังอัตชีวประวัติเพลงร็อค จะเก็บเรื่องราวชีวิตต่ำสุดและสูงสุดของศิลปินได้ อย่าง Rocketman” ทางนักวิจารณ์รวม 49 คนของเมตาคริติค ให้คะแนนเฉลี่ยของหนังอยู่ที่ 70 จากร้อยคะแนน ส่วนผู้ชมของซีนีมาสกอร์ ซึ่งเป็นการเก็บคะแนนแบบเอ็กซิท โพลล์ (Exit Poll) ให้เกรดหนังที่ เอ ลบ ขณะที่โพสท์แทร็ค หนังได้คะแนนเฉลี่ย 4 จาก 5 และผู้ชม 69% จะบอกต่อ
(หมายเหตุ: เรทหนัง ระดับพีจี-13 (PG-13: Parents Strongly Cautioned) จะอนุญาตให้ทุกวัยเข้าชมได้ แต่เนื่องจากเนื้อหาบางส่วนอาจไม่เหมาะสมกับเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 13 ปี โดยเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 13 ปีต้องมีผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่ร่วมชมและคอยให้คำเตือน
เรทหนัง ระดับอาร์ (R: Restricted) เด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 17 ปีจะเข้าชมได้ ต่อเมื่อมีผู้ปกครองหรือผู้ใหญ่ไปด้วยเท่านั้น ห้ามเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 17 ปีเข้าชมเพียงลำพัง )
โดย นพปฎล พลศิลป์ เรื่อง เป้าหมายแห่งความสำเร็จของ Rocketman หนังอัตชีวประวัติของเอลตัน จอห์น คอลัมน์ หรรษา วันจันทร์ – HAPPY MONDAY หนังสือพิมพ์ ไทยโพสท์ วันที่ 10 มิถุนายน 2562