งานที่น่าจะเป็นหนังเด่นประจำเดือนสิงหาคมของเน็ทฟลิกซ์ เมื่อได้สองนักแสดงที่การันตีได้ในเรื่องฝีมืออย่าง เจมี ฟ็อกซ์ซ์ มาประกบกับโจเฟซ กอร์ดอน-ลิวอิทท์ ส่วนทีมงานข้างหลัง แม้สองผู้กำกับ เฮนรี จูสท์กับ เอริค นิวแมน อาจจะเป็นพวกมือใหม่หัดขับ แต่บทก็มีแม็ทสัน ทอมลิน ที่เป็นคนเขียนบทหนังเรื่อง The Batman ร่วมกับผู้กำกับแม็ทท์ รีฟส์ ซึ่งก็น่าสนใจอยู่ว่า ฝีมือลายมือเป็นยังไง ถึงได้ไปจับหนังใหญ่เรื่องนั้น ทั้งๆ ที่ยังไม่มีผลงานอะไรออกมาให้ชมกันเป็นชิ้นเป็นอันเลย
พล็อตของ Power Power เป็นเรื่องของเมือง นิวออร์ลีนส์ ที่กำลังมียาชนิดหนึ่งระบาด และไม่ใช่ยาเสพติดทั่วๆ ไป แต่เป็นยาที่จะรีดพลังพิเศษในร่างกายของคนที่กินเข้าไปออกมา โดยจะกินเวลานานครั้งละ 5 นาที ที่อาจจะทำให้นึกถึงยาเม็ดในหนัง Limitless แต่ที่ต่างออกไปก็คือ ยาตัวนี้ไม่ใช่แค่ทำให้มีพลังมากขึ้น แต่ยังกลายร่างไปด้วย โดยฤทธิ์ยาจะมีผลแตกต่างกันไปในแต่ละคน บ้างก็อาจจะกลายเป็นมนุษย์ไฟแบบหนึ่งในสี่กายสิทธิ์ บ้างก็กลายเป็นมนุษย์ล่องหน บ้างก็ทำให้ร่างกายแข็งแกร่งยิงฟันไม่เข้า หรือบางคนก็กลายเป็นฮัล์คในอีกฉบับไปเลย
ไม่แปลกที่จะมีใครใช้ยาตัวนี้ในการก่ออาชญากรรม เพราะสรรพคุณมันมหาศาลขนาดนั้น
กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่าง แฟรงค์ เชเวอร์ (กอร์ดอน-ลิวอิทท์) ก็ยังต้องใช้ เพราะไม่เช่นนั้นเขาก็จัดการกับเหล่าอาชญากรไม่ได้ โดยพึ่งพายาจากโรบิน (โดมินิคว์ ฟิชแบ็ค) เด็กวัยรุ่นที่รับยามาจากลูกพี่ลูกน้องที่เป็นพวกค้ายาอีกต่อหนึ่ง ในขณะเดียวกันแฟรงค์ก็พยายามที่จะจัดการกับแหล่งปล่อยยาตัวนี้ไปพร้อมๆ กัน
ขณะที่อาร์ท (ฟ็อกซ์ซ์) อดีตทหารที่มีเบื้องหลังเกี่ยวพันกับยาชนิดนี้ ก็ออกล่าตัวบรรดาพ่อค้ายา เพื่อตามหาลูกสาวของเขาที่ถูกจับตัวไปโดยคนที่มีส่วนในการผลิตยาตัวนี้
แต่เมื่อเขาไปจัดการกับนิวท์ (โคลสัน เบเคอร์) ลูกพี่-ลูกน้องของโรบิน กอร์ปกับเจ้านายของแฟรงค์บอกกับเขาว่า หากอยากจัดการยาตัวนี้ให้สิ้นซาก ก็ต้องจัดการกับคนๆ นี้
เส้นทางชีวิตของแฟรงค์-อาร์ท และโรบินจึงเดินมาพบกัน
เรื่องราวต่อจากนี้ น่าจะมองไปถึงบทสรุปกันได้ไม่ยาก เพราะมาเป็นสูตรหรือแพ็ทเทิร์นเดิมๆ ที่คุ้นเคยกันดี แถมยังไม่มีการเขย่าอะไรให้เป็นเซอร์ไพรส์เลยแม้แต่น้อยสำหรับลักษณะตัวละครหลักๆ ของหนัง ทำให้ทั้งฟ็อกซ์ซ์ ทั้งกอร์ดอน-ลิวอิทท์ ต่างก็อยู่ในข่ายถูกใช้งานได้ไม่เต็มที่ และหากไม่คิดถึงเรื่องของการตลาด เอานักแสดงเกรดรองๆ มาเล่นก็น่าจะได้ และคงทำให้ลดงบสร้างที่สูงถึง 85 ล้านเหรียญไปได้อย่างน้อยก็น่าจะเกือบครึ่ง
ส่วนบรรดาเทคนิคพิเศษทั้งหลายที่ใช้สร้างมนุษย์ยอดพลังแต่ละราย ก็ถือว่าไม่ขี้เหร่นัก และดูดีสำหรับการเป็นหนังลงสตรีมิงอยู่เหมือนกัน แต่เรื่องไอเดียร่างจอมพลังของแต่ละราย แม้จะต่างกันทั้งภาพลักษณ์และความสามารถ แต่ก็ดูจะเป็นการหยิบเอาของที่มีอยู่ในหนังมากมายประดามีมาปรับใช้ ตั้งแต่ทีมสี่กายสิทธิ์ ที่ถ้าไม่ครบก็เกือบครบ กระทั่งเอลซาจาก Frozen ก็ยังทำให้นึกถึงได้
หนังปิดท้ายแบบเปิดทางสำหรับสร้างภาคต่อ ไม่ต่างจากหนังหลายๆ เรื่องของเน็ทฟลิกซ์ ที่มีไม่กี่เรื่องไปได้ไกลจากจุดเริ่มต้น เพราะด้วยความสำเร็จที่ได้รับ ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้หนังได้ไฟเขียว กระทั่งหนังที่ยอดชม และคำวิจารณ์ ‘สวย’ กว่านี้ก็ยังไม่รอดมาแล้ว
ซึ่งกับเรื่องนี้ ชื่อกับงานที่ได้ชม ไม่สมและแตกต่างกันอย่างแรง
โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์วิจารณ์-แนะนำ นิตยสารเอนเตอร์เทน ปักษ์แรก กันยายน 2563