IO: โลกอนาคตเจอกับปัญหาสภาพอากาศเป็นพิษ ทำให้ต้องมีการอพยพไปอยู่บนสถานีอวกาศ ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับไอโอดวงจันทร์ที่เป็นดาวบริวารของดาวพฤหัส ซึ่งถูกตั้งมาเป็นชื่อเรื่อง หากเรื่องราวของหนัง ก็ไม่ได้เกิดขึ้นที่ดวงจันทร์ไอโอ แต่เกิดบนโลกมนุษย์ ที่ยังคงมีผู้คนตกค้างใช้ชีวิตอยู่ตามที่ต่างๆ และแซมก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น เมื่อเธอเลือกจะอยู่เพื่อทำการทดลองหาทางสร้างอากาศบริสุทธิ์ให้กับโลกผ่านการผสมเกษรของผึ้ง ขณะที่เอลอนคนรักของเธออยู่ที่สถานีอวกาศ โดยหวังว่าเธอจะหาทางออกให้กับโลกทันเวลา ไม่เช่นนั้นก็จะต้องเดินทางไปกับยานอวกาศลำสุดท้ายที่มีเป้าหมายอยู่ที่สถานีอวกาศ
แต่แล้วเธอก็ได้เจอกับไมคาห์ ชายหนุ่มที่เดินทางมากับบอลลูน เพื่อตามหาดร. แฮร์รี วอลเดน พ่อของแซม แต่พอรู้ว่าดร. แฮร์รีเสียชีวิตแล้ว เขาก็ตัดสินใจที่จะพาแซมเดินทางไปกับยานลำสุดท้ายที่จะออกจากโลก หากก่อนจะถึงวันนั้นทั้งคู่ก็รักกันเสียก่อน
ภายใต้ฉากหน้าที่เป็นงานไซ-ไฟ IO คืองานดรามา-โรแมนติก ที่พาตัวละครมาอยู่ในสถานการณ์ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นโลกที่เต็มไปด้วยอากาศพิษ, ปมระหว่างไมคาห์กับพ่อของแซม, ความรักของหญิงสาวกับเอลอน ที่เมื่อเธอกับไมคาห์ตกหลุมรักกัน ก็กลายเป็นเรื่องรักสามเส้า แล้วยังมีเรื่องราวการทดลองเพื่อหาทางสร้างอากาศบริสุทธิ์ให้กับโลกอีกด้วย
แต่ถึงจะมีสถานการณ์ที่น่าสนใจอย่างที่เห็น หนังก็ไม่สามารถใช้สิ่งเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ได้อย่างที่ควรจะเป็น ปรัชญาต่างๆ ที่ถูกหยิบมาพูดถึง ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรพิเศษ เมื่อตัวละครเลือกจะทำในสิ่งที่แย้งกับความเชื่อจากปรัชญาเหล่านั้น รวมไปถึงเรื่องราวที่ถูกเล่าขานบางเรื่อง ก็ไม่รู้ว่ามีปมอะไรที่สามารถเชื่อมโยงกับความเป็นไปของตัวละครได้สำเร็จ
บทเองแม้พยายามสร้างความสมเหตุสมผลให้กับการกระทำของตัวละคร แต่ก็ไม่รู้สึกถึงความหนักแน่นสักเท่าไหร่ จนทุกอย่างบางเบา ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะลักษณะของตัวละครที่ดูเพ้อๆ ลอยๆ จนดูไม่รู้สึกกับอะไรรอบตัว อย่างที่บทพยายามนำเสนอ
แย่ไปกว่านั้นก็คือ การเล่าเรื่องที่ติดจะเนิบนาบ ในระดับถึงขั้นน่าเบื่อ โดยเฉพาะช่วงสุดท้าย หนังสร้างความตื่นเต้นให้เกิดขึ้นไม่สำเร็จ พาลให้ทางออกของตัวละครที่กลายเป็นเรื่องหักมุมในเวลาต่อมา ไม่สามารถทำให้คนดูรู้สึกอึ้งกับความเป็นไปของตัวละคร แถมติดจะงงๆ ด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่หากไล่เรียงย้อนกลับไป ก็จะพบว่า ถึงจะมีอะไรที่ไม่มีเหตุมีผลอยู่ไม่น้อย ซึ่งก็รวมถึงบทสรุปของตัวละครบางราย หนังก็มีที่มาที่ไปให้ แต่แทนที่ผู้ชมจะคิดได้ หรือ ‘ว้าว’ ไปกับเรื่องราวที่พลิกผัน กลับทำได้แค่หยิบรีโมทขึ้นมาปิดโทรทัศน์แล้วก็หลับตานอนได้สนิท โดยที่ไม่ต้องใช้เวลานานเลย
โดย นพปฎล พลศิลป์ คอลัมน์ ชำแหละแผ่นฟิล์ม นิตยสาร เอนเตอร์เทน ฉบับที่ 1275 ปักษ์แรกมีนาคม 2562